<span style="font-size: 12pt; font-weight: bold">2.เหตุเกิดเพราะสงคราม<br />
<br />
</span><span style="font-size: 12pt"> ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันมะพร้าวเป็นที่นิยมใช้ในการปรุงอาหาร และในผลิตภัณฑ์อาหารของคนทั้งโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวเป็นที่รังเกียจของผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนี้ เกิดเพราะผลของสงคราม 2 สงคราม คือ :<br />
<br />
<span style="font-weight: bold">2.1 สงครามมหาเอเชียบูรพา<br />
<br />
</span> ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา (พ.ศ.2482-2488) กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะต่างๆ ในย่านมหาสมุทรแปซิฟิก จึงตัดทางลำเลียงน้ำมันมะพร้าวไปสู่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตอาการและร้านค้าอาหารจำเป็นต้องขวนขวายหาน้ำมันอื่นมาทดแทน จึงได้มีการพัฒนาน้ำมันพืชไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วลอสง ฯลฯ และก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลต่อวงการอุตสาหกรรมน้ำมันพืชของประเทศสหรัฐอเมริกา<br />
<br />
2.2 สงครามน้ำมันเขตร้อน<br />
<br />
ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ได้มีการนำน้ำมันมะพร้าวกลับไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง จึงเกิดการแข่งขันกับน้ำมันพืชไม่อิ่มตัว ที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมา ระหว่างทศวรรษปี พ.ศ.2503-2512 มีการรายงานผลการวิจัยว่าน้ำมันอิ่มตัวบางประเภท (เช่น น้ำมันจากสัตว์ และน้ำมันมะพร้าวที่ถูกเติมไฮโดรเจน) ไปเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุองโรคหัวใจ สมาคมถั่วเหลืองอเมริกัน (ASA) จึงถือโอกาสสรุปว่า น้ำมันอิ่มตัวทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และรณรงค์ให้ประชาชนเลิกบริโภคน้ำมันอิ่มตัว ซึ่งรวมทั้งน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม (รวมเรียกว่าน้ำมันเขตร้อน หรือ Tropical Oils) แล้วหันไปบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะน้ำมันถั่วเหลือง<br />
<br />
ในทศวรรษปี พ.ศ.2523 -2532 ASA ใช้เรื่องนี้เป็นกลยุทธ์รณรงค์อย่างหนัก</span>
<br />
</span><span style="font-size: 12pt"> ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 น้ำมันมะพร้าวเป็นที่นิยมใช้ในการปรุงอาหาร และในผลิตภัณฑ์อาหารของคนทั้งโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ต่อมาได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวเป็นที่รังเกียจของผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนี้ เกิดเพราะผลของสงคราม 2 สงคราม คือ :<br />
<br />
<span style="font-weight: bold">2.1 สงครามมหาเอเชียบูรพา<br />
<br />
</span> ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา (พ.ศ.2482-2488) กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองประเทศฟิลิปปินส์ และหมู่เกาะต่างๆ ในย่านมหาสมุทรแปซิฟิก จึงตัดทางลำเลียงน้ำมันมะพร้าวไปสู่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผู้ผลิตอาการและร้านค้าอาหารจำเป็นต้องขวนขวายหาน้ำมันอื่นมาทดแทน จึงได้มีการพัฒนาน้ำมันพืชไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วลอสง ฯลฯ และก่อให้เกิดผลประโยชน์มหาศาลต่อวงการอุตสาหกรรมน้ำมันพืชของประเทศสหรัฐอเมริกา<br />
<br />
2.2 สงครามน้ำมันเขตร้อน<br />
<br />
ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ได้มีการนำน้ำมันมะพร้าวกลับไปจำหน่ายยังสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง จึงเกิดการแข่งขันกับน้ำมันพืชไม่อิ่มตัว ที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมา ระหว่างทศวรรษปี พ.ศ.2503-2512 มีการรายงานผลการวิจัยว่าน้ำมันอิ่มตัวบางประเภท (เช่น น้ำมันจากสัตว์ และน้ำมันมะพร้าวที่ถูกเติมไฮโดรเจน) ไปเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุองโรคหัวใจ สมาคมถั่วเหลืองอเมริกัน (ASA) จึงถือโอกาสสรุปว่า น้ำมันอิ่มตัวทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และรณรงค์ให้ประชาชนเลิกบริโภคน้ำมันอิ่มตัว ซึ่งรวมทั้งน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม (รวมเรียกว่าน้ำมันเขตร้อน หรือ Tropical Oils) แล้วหันไปบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะน้ำมันถั่วเหลือง<br />
<br />
ในทศวรรษปี พ.ศ.2523 -2532 ASA ใช้เรื่องนี้เป็นกลยุทธ์รณรงค์อย่างหนัก</span>