<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
<html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
<title>Untitled Document</title>
<style type="text/css">
body,td,th {
font-size: 14px;
}
</style>
</head>
<body>
<h3 align="center"><br />
</h3>
<h1 align="center">น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงได้<br />
</h1>
<ul>
<li>
<h3>เพราะน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น คล้ายกับน้ำหล่อเลี้ยงของผิวหนัง และไม่มีสารเคมี มีความเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง นอกจากจะรับประทาน ใช้ภายนอกภายในกับคนได้ดีแล้ว กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก สุนัข แมว ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน<br />
</h3>
</li>
<li>
<h3>กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงที่มีอาการแพ้แชมพู ตกสะเก็ด แห้งและคัน จากโรคเชื้อรา หรือบาดแผลตื้น ๆ สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้คะ เพราะน้ำมันมะพร้าวจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ และอื่น ๆ จึงทำให้ผิวหนังที่แพ้ ขนร่วง จะกลับขึ้นมาได้ดีดั่งเดิม โดยต้องชโลมให้ติดผิวหนังมากที่สุด แล้วเช็ดออก หรือล้างออกตามปกติโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที<br />
</h3>
</li>
<li>
<h3>วิตามินอีที่มีมากในน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวหนังสุขภาพดีชุ่มชื้นขึ้น และขนดกเงางาม โดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมีเลยค่ะ และหากสัตว์เลี้ยงเผลอเลียเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายอีกด้วย </h3>
</li>
</ul>
<h2>จากผลวิจัยน้ำมันมะพร้าว ของ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา (ขอขอบคุณ ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข) </h2>
<ul>
<li>
<h3><em>ผลการวิจัยสรุปได้ว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก แต่น้ำมันที่ไม่อิ่มตัวทั้งหลายกลับเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อมและโรคอื่นๆ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร <br />
</em><em><br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>ด้วยเหตุนี้จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับน้ำมันมะพร้าวเพราะมีประโยชน์ทั้งใน แง่ต่อสุขภาพและความงาม ซึ่งถ้าย้อนไปในยุคสมัยบรรพบุรุษของไทย อาหารไทยทั้งคาวและหวานหลายชนิด ต้องใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นเครื่องปรุง นอกจากนั้นยังใช้บำรุงสุขภาพและความงาม เช่น ใช้น้ำมันมะพร้าวทานวดตัวเพื่อรักษาโรคกระดูก ปวดเมื่อย และรักษาผิวไม่ให้กร้านแดดและเหี่ยวย่น ตลอดจนใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมให้ดกดำเป็นเงางาม แต่คนสมัยใหม่กลับพึ่งพาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ยากันแดด ครีม โลชั่น ซึ่งบางชนิดกลับเป็นผลเสียต่อสุขภาพ และความงามของผู้บริโภคอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น <br />
</em><em><br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>ชนชาติของประเทศทวีปเอเชีย เช่น ศรีสังกา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ซึ่งบริโภคมะพร้าวเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่ง โดยใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนประกอบของอาหาร คนกลุ่มนี้ก็มีสุขภาพแข็งแรง และไม่ค่อยมีคนอ้วนหรือเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจเป็นจำนวนมากเหมือนกับพวกชาวตะวันตก และในด้านความงามก็เช่นเดียวกัน คนพื้นเมืองในประเทศเหล่านี้แม้ว่าบางเชื้อชาติจะมีผิวคล้ำแต่มีผิวที่เนียน ไม่แตกลายหรือเหี่ยวย่น แต่ผิวพรรณกลับดูอ่อนกว่าวัย เส้นผมสลวยดกดำเป็นเงางามอันเนื่องมาจากใช้น้ำมันมะพร้าวมาทาผิว และชโลมเส้นผมนั่นเอง<br />
<br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>จากผลวิจัยของคร.ณรงค์ โฉมเฉลา เราจะเห็นประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมากมาย และที่เด่นมากด้านหนึ่งคือบำรุงดูแลผิวหนัง ทั้งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงจากสารเคมี เพราะเราตระหนักดีว่าเมื่อทายาให้กับน้องหมา โดยนิสัยมันมักจะเลีย ซึ่งถ้าสิ่งที่หาให้เค้าเป็นสารเคมี มันอาจสะสมในตัวน้องหมาของเราก็ได้ แต่เมื่อใช้น้ำมันมะพร้าว เมื่อน้องหมาเลียเข้าไปย่อมไม่ทำให้เกิดโทษ </em></h3>
</li>
</ul>
<h3> </h3>
<h2>น้ำมันมะพร้าวเผื่อแผ่ ดีต่อชีวิตสัตว์เลี้ยง ทั้งภายในและภายนอกร่างกายของมัน</h2>
<h3>1. ไม่ว่าจะมีแผลสดหรือแผลแห้งทาด้วยน้ำมันมะพร้าว มันจะหาย</h3>
<h3> เพราะน้ำมันมะพร้าวมี กรดลอริก</h3>
<h3>2. ถ้าเป็นสัตว์ที่มี ขน ทาให้ หมักไว้ แล้วอาบน้ำให้ ขนมันก็จะนิ่ม ไม่ร่วง ไม่คันฯ</h3>
<h3> หรืออาบน้ำไม่ได้ ก็ใช้ผ้าเช็ดน้ำมันออกเป็นการรักษาขนให้ดีมากๆและผิวหนังด้วย</h3>
<h3>3. ป้องกัน ยุงกัดได้บ้างและแมลงบางชนิดจะไม่เข้าใกล้กลิ่นน้ำมันมะพร้าวและไม่กัด</h3>
<h3>4. โดยเฉพาะการเป็นโรคผิวหนังทุกชนิด ทาให้มัน
<html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
<title>Untitled Document</title>
<style type="text/css">
body,td,th {
font-size: 14px;
}
</style>
</head>
<body>
<h3 align="center"><br />
</h3>
<h1 align="center">น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ใช้กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงได้<br />
</h1>
<ul>
<li>
<h3>เพราะน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น คล้ายกับน้ำหล่อเลี้ยงของผิวหนัง และไม่มีสารเคมี มีความเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง นอกจากจะรับประทาน ใช้ภายนอกภายในกับคนได้ดีแล้ว กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก สุนัข แมว ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน<br />
</h3>
</li>
<li>
<h3>กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงที่มีอาการแพ้แชมพู ตกสะเก็ด แห้งและคัน จากโรคเชื้อรา หรือบาดแผลตื้น ๆ สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้คะ เพราะน้ำมันมะพร้าวจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ และอื่น ๆ จึงทำให้ผิวหนังที่แพ้ ขนร่วง จะกลับขึ้นมาได้ดีดั่งเดิม โดยต้องชโลมให้ติดผิวหนังมากที่สุด แล้วเช็ดออก หรือล้างออกตามปกติโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที<br />
</h3>
</li>
<li>
<h3>วิตามินอีที่มีมากในน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวหนังสุขภาพดีชุ่มชื้นขึ้น และขนดกเงางาม โดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมีเลยค่ะ และหากสัตว์เลี้ยงเผลอเลียเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายอีกด้วย </h3>
</li>
</ul>
<h2>จากผลวิจัยน้ำมันมะพร้าว ของ ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา (ขอขอบคุณ ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข) </h2>
<ul>
<li>
<h3><em>ผลการวิจัยสรุปได้ว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก แต่น้ำมันที่ไม่อิ่มตัวทั้งหลายกลับเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อมและโรคอื่นๆ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร <br />
</em><em><br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>ด้วยเหตุนี้จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับน้ำมันมะพร้าวเพราะมีประโยชน์ทั้งใน แง่ต่อสุขภาพและความงาม ซึ่งถ้าย้อนไปในยุคสมัยบรรพบุรุษของไทย อาหารไทยทั้งคาวและหวานหลายชนิด ต้องใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นเครื่องปรุง นอกจากนั้นยังใช้บำรุงสุขภาพและความงาม เช่น ใช้น้ำมันมะพร้าวทานวดตัวเพื่อรักษาโรคกระดูก ปวดเมื่อย และรักษาผิวไม่ให้กร้านแดดและเหี่ยวย่น ตลอดจนใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมให้ดกดำเป็นเงางาม แต่คนสมัยใหม่กลับพึ่งพาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ยากันแดด ครีม โลชั่น ซึ่งบางชนิดกลับเป็นผลเสียต่อสุขภาพ และความงามของผู้บริโภคอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น <br />
</em><em><br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>ชนชาติของประเทศทวีปเอเชีย เช่น ศรีสังกา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ซึ่งบริโภคมะพร้าวเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่ง โดยใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนประกอบของอาหาร คนกลุ่มนี้ก็มีสุขภาพแข็งแรง และไม่ค่อยมีคนอ้วนหรือเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจเป็นจำนวนมากเหมือนกับพวกชาวตะวันตก และในด้านความงามก็เช่นเดียวกัน คนพื้นเมืองในประเทศเหล่านี้แม้ว่าบางเชื้อชาติจะมีผิวคล้ำแต่มีผิวที่เนียน ไม่แตกลายหรือเหี่ยวย่น แต่ผิวพรรณกลับดูอ่อนกว่าวัย เส้นผมสลวยดกดำเป็นเงางามอันเนื่องมาจากใช้น้ำมันมะพร้าวมาทาผิว และชโลมเส้นผมนั่นเอง<br />
<br />
</em></h3>
</li>
<li>
<h3><em>จากผลวิจัยของคร.ณรงค์ โฉมเฉลา เราจะเห็นประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมากมาย และที่เด่นมากด้านหนึ่งคือบำรุงดูแลผิวหนัง ทั้งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงจากสารเคมี เพราะเราตระหนักดีว่าเมื่อทายาให้กับน้องหมา โดยนิสัยมันมักจะเลีย ซึ่งถ้าสิ่งที่หาให้เค้าเป็นสารเคมี มันอาจสะสมในตัวน้องหมาของเราก็ได้ แต่เมื่อใช้น้ำมันมะพร้าว เมื่อน้องหมาเลียเข้าไปย่อมไม่ทำให้เกิดโทษ </em></h3>
</li>
</ul>
<h3> </h3>
<h2>น้ำมันมะพร้าวเผื่อแผ่ ดีต่อชีวิตสัตว์เลี้ยง ทั้งภายในและภายนอกร่างกายของมัน</h2>
<h3>1. ไม่ว่าจะมีแผลสดหรือแผลแห้งทาด้วยน้ำมันมะพร้าว มันจะหาย</h3>
<h3> เพราะน้ำมันมะพร้าวมี กรดลอริก</h3>
<h3>2. ถ้าเป็นสัตว์ที่มี ขน ทาให้ หมักไว้ แล้วอาบน้ำให้ ขนมันก็จะนิ่ม ไม่ร่วง ไม่คันฯ</h3>
<h3> หรืออาบน้ำไม่ได้ ก็ใช้ผ้าเช็ดน้ำมันออกเป็นการรักษาขนให้ดีมากๆและผิวหนังด้วย</h3>
<h3>3. ป้องกัน ยุงกัดได้บ้างและแมลงบางชนิดจะไม่เข้าใกล้กลิ่นน้ำมันมะพร้าวและไม่กัด</h3>
<h3>4. โดยเฉพาะการเป็นโรคผิวหนังทุกชนิด ทาให้มัน