Posted: 12 years ago Quote #117
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
<html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
<title>Untitled Document</title>
<style type="text/css">
body,td,th {
  font-size: 14px;
}
</style>
</head>

<body>
<h3 align="center"><br />
</h3>
<h1 align="center">น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น  ใช้กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงได้<br />
</h1>
<ul>
  <li>
    <h3>เพราะน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น  คล้ายกับน้ำหล่อเลี้ยงของผิวหนัง และไม่มีสารเคมี  มีความเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างแท้จริง นอกจากจะรับประทาน  ใช้ภายนอกภายในกับคนได้ดีแล้ว กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก สุนัข แมว  ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน<br />
    </h3>
  </li>
  <li>
    <h3>กับผิวหนังสัตว์เลี้ยงที่มีอาการแพ้แชมพู  ตกสะเก็ด แห้งและคัน จากโรคเชื้อรา หรือบาดแผลตื้น ๆ  สามารถเช็ดและทำความสะอาดได้คะ เพราะน้ำมันมะพร้าวจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา  เชื้อยีสต์ และอื่น ๆ จึงทำให้ผิวหนังที่แพ้ ขนร่วง จะกลับขึ้นมาได้ดีดั่งเดิม โดยต้องชโลมให้ติดผิวหนังมากที่สุด  แล้วเช็ดออก หรือล้างออกตามปกติโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที<br />
    </h3>
  </li>
  <li>
    <h3>วิตามินอีที่มีมากในน้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผิวหนังสุขภาพดีชุ่มชื้นขึ้น  และขนดกเงางาม โดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมีเลยค่ะ และหากสัตว์เลี้ยงเผลอเลียเข้าไปก็ไม่เป็นอันตรายอีกด้วย </h3>
  </li>
</ul>
<h2>จากผลวิจัยน้ำมันมะพร้าว ของ ดร.ณรงค์  โฉมเฉลา (ขอขอบคุณ ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข) </h2>
<ul>
  <li>
    <h3><em>ผลการวิจัยสรุปได้ว่า  น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดในโลก  แต่น้ำมันที่ไม่อิ่มตัวทั้งหลายกลับเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ  โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคข้อเสื่อมและโรคอื่นๆ  ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร <br />
      </em><em><br />
      </em></h3>
  </li>
  <li>
    <h3><em>ด้วยเหตุนี้จึงควรหันมาให้ความสำคัญกับน้ำมันมะพร้าวเพราะมีประโยชน์ทั้งใน  แง่ต่อสุขภาพและความงาม ซึ่งถ้าย้อนไปในยุคสมัยบรรพบุรุษของไทย  อาหารไทยทั้งคาวและหวานหลายชนิด ต้องใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นเครื่องปรุง  นอกจากนั้นยังใช้บำรุงสุขภาพและความงาม เช่น  ใช้น้ำมันมะพร้าวทานวดตัวเพื่อรักษาโรคกระดูก ปวดเมื่อย  และรักษาผิวไม่ให้กร้านแดดและเหี่ยวย่น  ตลอดจนใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมให้ดกดำเป็นเงางาม แต่คนสมัยใหม่กลับพึ่งพาผลิตภัณฑ์ใหม่  ๆ เช่น อาหารเสริม เครื่องสำอาง ยากันแดด ครีม โลชั่น  ซึ่งบางชนิดกลับเป็นผลเสียต่อสุขภาพ  และความงามของผู้บริโภคอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น <br />
      </em><em><br />
      </em></h3>
  </li>
  <li>
    <h3><em>ชนชาติของประเทศทวีปเอเชีย  เช่น ศรีสังกา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ซึ่งบริโภคมะพร้าวเป็นอาหารหลักอย่างหนึ่ง  โดยใช้กะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นส่วนประกอบของอาหาร คนกลุ่มนี้ก็มีสุขภาพแข็งแรง  และไม่ค่อยมีคนอ้วนหรือเป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน  และโรคหัวใจเป็นจำนวนมากเหมือนกับพวกชาวตะวันตก และในด้านความงามก็เช่นเดียวกัน  คนพื้นเมืองในประเทศเหล่านี้แม้ว่าบางเชื้อชาติจะมีผิวคล้ำแต่มีผิวที่เนียน  ไม่แตกลายหรือเหี่ยวย่น แต่ผิวพรรณกลับดูอ่อนกว่าวัย  เส้นผมสลวยดกดำเป็นเงางามอันเนื่องมาจากใช้น้ำมันมะพร้าวมาทาผิว  และชโลมเส้นผมนั่นเอง<br />
      <br />
    </em></h3>
  </li>
  <li>
    <h3><em>จากผลวิจัยของคร.ณรงค์ โฉมเฉลา เราจะเห็นประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมากมาย  และที่เด่นมากด้านหนึ่งคือบำรุงดูแลผิวหนัง ทั้งนี้ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะหลีกเลี่ยงจากสารเคมี  เพราะเราตระหนักดีว่าเมื่อทายาให้กับน้องหมา โดยนิสัยมันมักจะเลีย  ซึ่งถ้าสิ่งที่หาให้เค้าเป็นสารเคมี มันอาจสะสมในตัวน้องหมาของเราก็ได้ แต่เมื่อใช้น้ำมันมะพร้าว  เมื่อน้องหมาเลียเข้าไปย่อมไม่ทำให้เกิดโทษ </em></h3>
  </li>
</ul>
<h3>&nbsp;</h3>
<h2>น้ำมันมะพร้าวเผื่อแผ่  ดีต่อชีวิตสัตว์เลี้ยง ทั้งภายในและภายนอกร่างกายของมัน</h2>
<h3>1.    ไม่ว่าจะมีแผลสดหรือแผลแห้งทาด้วยน้ำมันมะพร้าว มันจะหาย</h3>
<h3> เพราะน้ำมันมะพร้าวมี กรดลอริก</h3>
<h3>2.   ถ้าเป็นสัตว์ที่มี ขน ทาให้  หมักไว้  แล้วอาบน้ำให้ ขนมันก็จะนิ่ม ไม่ร่วง ไม่คันฯ</h3>
<h3> หรืออาบน้ำไม่ได้ ก็ใช้ผ้าเช็ดน้ำมันออกเป็นการรักษาขนให้ดีมากๆและผิวหนังด้วย</h3>
<h3>3.  ป้องกัน ยุงกัดได้บ้างและแมลงบางชนิดจะไม่เข้าใกล้กลิ่นน้ำมันมะพร้าวและไม่กัด</h3>
<h3>4.   โดยเฉพาะการเป็นโรคผิวหนังทุกชนิด ทาให้มัน