RSS

โพสต์บล็อกที่ติดแท็ก'น้ำมัน'

วิธีการเลือกใช้น้ำมันมะพร้าว 

 

1.   ถ้าต้องการรับประทานน้ำมันมะพร้าวเพียวๆแนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวประเภท Virgin Coconut Oil ซึ่งมีจำหน่ายทั้งแบบน้ำบรรจุขวดและแบบแคปซูล  

2.  ถ้าต้องการใช้ประกอบอาหาร สามารถใช้ได้ทั้งแบบ Virgin Coconut Oil และ Cooking Coconut oil  

 

วิธีกินน้ำมันมะพร้าว

ความพิเศษของน้ำมันมะพร้าวอยู่ตรงที่เราสามารถตวงกับช้อนแล้วกิ­นได้เลย หรือจะนำไปปรุงเป็นเมนูคาวหวานก็ได้ แม้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะกินแล้วดีต่อสุขภาพ แต่ก็ยังต้องระวังเรื่องปริมาณการบริโภค รวมถึงต้องปรับพฤติกรรมการกินควบคู่ไปด้วย มิเช่นนั้น อาจให้ผลตรงกันข้าม 

          สำหรับวิธีการกินน้ำมันมะพร้าวที่เหมาะสมนั้น อาจยึดหลักจากน้ำหนักตัว ดังนี้ 

 

           น้ำหนักตัว 30-40 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ 0.5 ช้อนโต๊ะต่อวัน 

           น้ำหนักตัว 40.1-60 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน 

           น้ำหนักตัว 60.1-80 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ 1.5-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน 

           น้ำหนักตัว 80.1 กิโลกรัมขึ้นไป สามารถบริโภคได้ 2.5-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน 

           เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป วันละ 1-2 ช้อนชา 

           ผู้สูงอายุรับประทานวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ 

 

          ทั้งนี้ การกินน้ำมันมะพร้าวภายในครั้งเดียวร่างกายอาจรับไม่ได้ ดังนั้น ควรจะแบ่งทานเป็น 3 เวลา โดยกินก่อนรับประทานอาหารประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้อาจรวมถึงการนำน้ำมันมะพร้าวไปเป็นส่วนหนึ่งในการปรุงประกอบอาหาร เช่น นำไปผัดอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่น ๆ 

 

          อย่างไรก็ดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข 

 

cr.kapook.com

                                                  

สนใจสั่งสินค้าได้ที่โทร. 0874064722 (เบอร์เดียว)
ไลน์ coconutplaza
www.coconutplaza.com
อีเมล์ sale@coconutplaza.com
หรือinboxค่ะ
https://www.facebook.com/messages/coconutplaza

ประโยชน์น้ำมันมะพร้าว มาดู ดีต่อสุขภาพยังไง

 น้ำมันมะพร้าวถูกจัดว่าเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันช­นิดอื่น เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลาง ร่างกายดึงไปเผาผลาญได้เร็ว นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญและวิตามินละลายในไขมันบางชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ ดี อี เค ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ทันที เพราะคุณค่าเหล่านี้จึงทำให้น้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณต่อสุขภาพใน­หลาย ๆ ด้าน 


 สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวที่มีต่อสุขภาพ 

 

          มาดูกันว่าในน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้นแฝงไว้ด้วยประโยชน์สุขภา­พในเรื่องใดบ้าง 

 

 1. กินแล้วไม่อ้วน 

 

          น้ำมันมะพร้าวให้พลังงานน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น นั่นคือ 8.6 กิโลแคลอรีต่อกรัม ในขณะที่น้ำมันชนิดอื่นให้พลังงานถึง 9 กิโลแคลอรีต่อกรัม มีกรดไขมันอิ่มตัวที่ไม่ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระและไขมันทรานส์ น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มอัตราเมตาบอลิซึมนานถึง 24 ชั่วโมง ทำให้อาหารหรือปริมาณแคลอรีถูกนำไปเผาผลาญมากขึ้น ไม่เหลือเป็นแคลอรีส่วนเกิน ที่จะถูกสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน 

 

 2. กระตุ้นการขับถ่าย 

 

          น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสายปานกลาง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ใหญ่ จึงช่วยกระตุ้นการขับถ่าย สำหรับคนที่กินน้ำมันมะพร้าวในระยะแรกอาจมีอาการท้องเสีย ถือว่าเป็นอาการปกติ แต่ถ้าหากกินไปสักระยะแล้วยังมีอาการท้องเสียอยู่ ควรหยุดทาน เพราะน้ำมันมะพร้าวอาจไม่เหมาะกับธาตุในร่างกาย 

 

 3. บำรุงกำลัง 

 

          น้ำมันมะพร้าวนั้นกินแล้วย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญได้ทันที อีกทั้งกินแล้วอิ่มนาน จึงทำให้ร่างกายมีกำลังเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ ด้วยเหตุนี้ น้ำมันมะพร้าวจึงถูกนำไปบำรุงกำลังแก่นักกีฬาทั้งแบบชงดื่ม และแบบแท่ง รวมถึงเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุด้วย 

 

 4. ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกลุ่มเสื่อม 

 

          น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) จึงช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคกลุ่มเสื่อมต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคตับ และโรคไต 

 

 5. บำรุงกระดูก 

 

          สารอาหารในน้ำมันมะพร้าวนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อความ­แข็งแรงของกระดูก ได้แก่ แคลเซียม และแมกนีเซียม จึงช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ไม่ให้เปราะ แตกหักง่าย 

 

 6. บำรุงครรภ์ 

 

          น้ำมันมะพร้าวถือว่าเป็นอาหารที่ดีต่อคุณแม่และทารกน้อยในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณแม่รับประทานน้ำมันมะพร้าวในช่วงตั้­งครรภ์ ก็จะช่วยให้ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดี และเป็นการเพิ่มคุณค่าของน้ำนมแม่อีกด้วย เพราะในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในน้ำนมแม่ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียม ที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมทั้งป้องกันภาวะกระดูกพรุน หรือการสูญเสียแคลเซียมของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์อีกด้วย 

 

 7. ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น 

 

          ในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริก กรดคาปริก และกรดคาปริลิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวติดต่อกันทุกวันในปริมาณเพียงเล็กน้อ­ยจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ลดความเครียด และอาการอ่อนเพลียได้ด้วย 

 

 8. ลดการอักเสบและติดเชื้อ 

 

          น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อได้ เพราะกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวจะถูกเปลี่ยนเป็น สารมอโนลอริน (monolaurin) มีคุณสมบัติสร้างภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรีย ถือเป็นเป็นทั้งยาปฏิชีวนะธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยจ­ากการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่เริม คางทูม เจ็บคอ 

 

 9. บำรุงสุขภาพในช่องปาก 

 

          น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก อันเป็นสาเหตุให้เกิดคราบพลัคที่จะนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ภายในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ เหงือกช้ำ บวม แดง หรือเลือดออกตามไรฟัน รวมถึงอาการติดเชื้อบริเวณลำคอด้วย วิธีใช้คือนำน้ำมันมะพร้าวมาอมบ้วนปากครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง 

 

 10. ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง 

 

          น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงถึงร้อยละ 92 ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังมีวิตามินไบโอที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ และมะเร็งผิวหนัง 

 

cr.kapook.com

เครื่องสำอางจากน้ำมันมะพร้าว

จากบทความตอนที่แล้วเรื่อง "น้ำมันมะพร้าวช่วยผิวสวย" เราได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังไปแล้วว่าน้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณที่ดีต่อผิวของเราอย่างไรบ้าง กระทั่งสาวๆ ในสมัยโบราณรู้จักวิธีการนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้บำรุงผิวพรรณกันมาเป็นเวลาช้านานแล้วแม้กระทั่งในปัจจุบัน ก็ยังคงมีการนำสารเคมีต่างๆ ที่ได้รับการสกัดจากน้ำมันมะพร้าวมาผสมใช้ในเครื่องสำอางกันอย่างกว้างขวาง

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสกัดสารเหล่านี้ หรือกระบวนการในการผสมสารเคมีต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ต่อผู้ใช้ ดังนั้นการใช้เครื่องบำรุงผิวที่เราทราบว่ามาจากธรรมชาติล้วนๆไม่ได้ผ่านกระบวนการทางเคมีอะไรมากมายมาใช้กับผิวพรรณของเรา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สาวๆ ที่ระมัดระวังต่อความเป็นพิษจากสารเคมีไม่ควรมองข้ามนะคะ

 

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าเราสามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาผสมทำเป็นเครื่องบำรุงผิวอย่างไรได้บ้าง ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เริ่มกันที่สูตรแรกเลยดีกว่า

 

1. มาส์กหน้าสูตรน้ำมันมะพร้าว


สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับผู้ที่ผิวแห้งโดยเฉพาะ สูตรนี้จะช่วยบรรเทาอาการไหม้เนื่องจากการถูกแสงแดดและช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ


ไข่ไก่ 1 ใบ
น้ำมันมะพร้าว (เหลวแต่ไม่ต้องอุ่นให้ร้อนนะคะ) 1/2 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ


ตีไข่ทั้งใบจนเป็นฟองและเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วค่อยๆ เติมน้ำมันมะพร้าวลงไป จากนั้นก็เติมน้ำผึ้งลงไป ตีให้เข้ากันจนกระทั่งมาส์กเป็นเนื้อข้นคล้ายครีมสลัดมายองเนส (แหม ว่าเสียน่ากินเชียว แต่อย่าลืมนะคะ แม้จะกินได้ก็ท่องเอาไว้ค่ะว่านี่เอาไว้สำหรับมาส์กหน้าจ้ะ) จากนั้นก็จัดแจงหาเอาแกนกลางของกระดาษทิชชูมาหนึ่งอัน จับตั้งในชามใบใหญ่ๆ หน่อย ใช้ช้อนตักเอาส่วนผสมใส่ลงด้านในของแกนกระดาษ เอาแช่ช่องแข็งของตู้เย็นไว้หนึ่งคืน เมื่อต้องการใช้ก็ให้นำเอาท่อนกระดาษออกมา ฉีกเอากระดาษด้านบนออกสักหน่อย ให้ตัวมาส์กโผล่ออกมาเล็กน้อย (นึกถึงแท่งลิปสติก แบบนั้นล่ะค่ะ) แล้วทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากใช้ก็เอาพลาสติกบางๆ คลุมแท่งมาส์กเอาไว้แล้วใส่ตู้เย็นไว้ใช้ในครั้งต่อไปค่ะ

น้ำมันมะพร้าวกับการรักษาโรค

น้ำมันมะพร้าวกับการรักษาโรค

คุณรู้หรือไหมว่าน้ำมันมะพร้าว สามารถรักษาโรคได้ มหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าวที่คุณต้องอึ้ง เกี่ยวกับรักษาโรคได้แทบทุกชนิด วันนี้ จะมาผ่ามะพร้าวพิสูจน์กันอีกครั้ง หลังที่ได้เผยเคล็ดลับด้านความงามกันมาแล้ว เพื่อที่จะให้ทุกคนที่รักสุขภาพได้สัมผัสประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวจริง ๆ 

น้ำมันมะพร้าวสามารถรักษาโรคได้แทบทุกชนิดป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง เสริมสร้างกระดูก และยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคเอดส์ ไม่ทำให้อ้วนเพราะเผาผลาญได้เร็วจึงไม่สะสม และไม่ทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้น และความที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวจึงช่วยควบคุมการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันใน ร่างกาย ช่วยลดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย

น้ำมันมะพร้าวรักษาโรค 
น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในกาฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา จึงสามารถลดการเกิดโรคต่าง ๆ และลดการติดเชื้อ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ

 น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต
เพราะน้ำมันมะพร้าวช่วยลดอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสื่อมของดวงตาในกรณีของโรคเบาหวาน และลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆด้วยเหตุนี้
 น้ำมันมะพร้าวช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
หากร่างกายขาดแคลเชี่ยมและแมกนีเซี่ยม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับแคลเซี่ยมและ แม็กนีเซี่ยม จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ไม่มีปัญหาโรค เหงือก เหงือกช้ำ บวม แดง หรือมีเลือดออกตามไรฟัน
 น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
น้ำมันมะพร้าวเมื่อแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะทำให้เชื้อโรคร้ายต่างๆในร่างกายของ เราลดลง ทำให้ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังช่วยขับถ่ายพยาธิ และมีการนำน้ำมันมะพร้าวมาทดลองกับเชื้อไวรัส HIV อีกด้วย
น้ำมันมะพร้าวกับเอดส์ มีผลการทดลองของน้ำมันมะพร้าวต่อไวรัส HIV จากโรงพยาบาล ซานลาซาโร ประเทศฟิลิปปินส์ โดยทำการทดลองใช้กับกลุ่มคนไข้อายุ 22-38 ปี ที่ไม่เคยรับการรักษา HIV มาก่อน มาทดลองเป็นเวลา 6 เดือน ผลการทดลองพบว่า ปริมาณไวรัสในเลือดและปริมาณของ CD4 (ซีดีโฟร์-ปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาว) โดยให้คนไข้บางส่วนรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 3½ ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่าเป็นประจำทุกวัน และให้คนไข้บางส่วนรับประทานโมโนลอริน ซึ่งเป็นโมโนกลีเซอร์ไรด์ของกรดลอริคในน้ำมันมะพร้าว เมื่อสิ้นสุดการทดลอง คนไข้ 8 ใน 14 คนมีปริมาณไวรัสในเลือดลดลง, 5 คนมีปริมาณ CD4 เพิ่มขึ้น และ 11 คนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดีขึ้น น.พ.คอนราโด เดย์ริท กล่าวว่า "ผลการทดลองนี้ยืนยันคำกล่าวที่ว่า น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและสามารถช่วยให้ปริมาณไวรัส HIV ลดลงได้"

วิธีรับประทานน้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุด คือใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันพืชชนิด อื่นๆในการปรุงอาหาร หรือจะรับประทานเป็นอาหารเสริมก็ได้ ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 3-4 ช้อนชา เด็กวันละ 1-2 ช้อนชา โดยเฉลี่ยแบ่งรับประทานทีละน้อยจนครบจำนวนในแต่ละวัน หรือจะผสมในเครื่องดื่มร้อนๆเช่นโกโก้ร้อนหรือน้ำผลไม้อุ่นๆก็ได้ น้ำมะเขือเทศอุ่นผสมน้ำมันมะพร้าวมีรสชาติอร่อยมาก.

เทคนิคการับประทานน้ำมันมะพร้าวในรูปแบบต่าง ๆ
1. ใส่ผสมในน้ำผลไม้ (สูตรของ ดร.ณรงค์โฉมเฉลา ใส่ลงในน้ำส้มคั้นรับประทานทุกวัน)
2. ใส่ในแกงจืด อาหารแกงต่างๆ
3. ใช้เป็นน้ำสลัด
4. ราดบนน้ำแข็งใส ไอศกรีม (สูตรนี้เด็กชอบรับประทาน)
5. ใช้ทอดอาหาร อาหารจะไม่ชุ่มน้ำมัน และมีความกรอบได้นาน
6. ใส่ลงไปพร้อมการหุงข้าว จะทำให้ได้ข้าวนุ่ม หอม อร่อย (สูตรพิเศษใส่กระเทียมเล็ก 5-6 กลีบ และใบเตยโรยเกลือนิดหน่อยจะยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น)

ดังนั้น ลองเพิ่มน้ำมันมะพร้าวในมื้ออาหารของคุณกันนะค่ะ เพราะจะได้ประโยชน์ที่มากมายจากคุณค่าของน้ำมะพร้าวทั้งภายในและภายนอก สุขภาพดีจากโรคภัย สวยใสจากความงาม ความมหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าว




 คลิกบำรุงเส้นผมอีกนิด เพื่อผมสุขภาพดี

 


 
วิธีการหมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวที่ดี ใช้หมักผมแล้วเห็นผล ต้องเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบริสุทธิ์ 100% ไม่มีสารเจือปนเท่านั้น

 

 

สาวที่มีปัญหารังแค 
น้ำมันมะพร้าวเป็นกุญแจสำคัญเลยล่ะค่ะ เพราะมันจะทำให้รังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ 
หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ 

            สำหรับวิธีการหมักผมนั้น 
ให้คุณใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย 
ชโลมผมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือหากเป็นวันหยุดก็สามารถหมักไว้ทั้งวันได้ 
ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งจะทำให้ปัญหารังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ หายไป 
และยังช่วยให้ผมคุณมีน้ำหนักขึ้นอีกด้วยค่ะ

     สาวผมเสีย 
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีผมเสียอย่างหนักไม่ว่าจากการดัด ทำสี ย้อม ยืด ก็ตาม ใจเย็น 
ๆ ค่ะ สมุนไพรที่นำมาหมักผมนั้นอาจจะเยอะหน่อยแต่รับรองว่าได้ผลเลยทีเดียว 
สำหรับสาวผมเสียนั้น 
ให้คุณหมักผมได้วันเว้นวันโดยใช้วัตถุดิบในการหมักผมที่ต่างกันไป 

            
โดยแบ่งเป็น 2 สูตร ดังนี้ สูตรแรกให้คุณใช้ไข่แดงผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก 
ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วสระตามปกติ 
จากนั้นให้เว้น 1 วัน ก่อนจะใช้สูตรที่สองคือ น้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าวและไข่แดง 
ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้นาน ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำอย่างนี้ไม่เกิน 2 
สัปดาห์คุณจะเริ่มเห็นผลค่ะ

คุณภาพของน้ำมันมะพร้าวที่ดี ดูได้จากอะไรบ้าง ?

น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะพร้าวดีต่อผิวหนัง,มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

คุณภาพของน้ำมันมะพร้าว เบื้องต้นดูได้จากมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โรงงานที่ผลิต และน้ำมันมะพร้าว ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีความใสไม่มีสี ปราศจากสารปนเปื้อน มีกลิ่นหอม ได้รับการรับรองและเลขสารบบ อย. บนฉลากขวด
แต่ก็สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ด้วยตนเองง่ายๆ ดังนี้

1. ความใส น้ำมันที่สะอาดจะมีความใส ลักษณะโปร่งแสง แต่อาจเปรียบเทียบคุณภาพความใสที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในขวดลักษณะเดียวกัน สีของพลาสติกหรือแก้ว อาจทำให้มีอิทธิพลกับสีได้บ้าง

2. กลิ่น ความหอมของน้ำมันมะพร้าว ต้องหอมอ่อนให้ความรู้สึกว่าเป็นน้ำมันสดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน หรือเปรี้ยว ถึงแม้ว่าจะเปิดใช้แล้วกลิ่นต้องไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีผู้ผลิตบางรายดัดแปลงกลิ่น โดยใช้น้ำหอมสังเคราะห์กลิ่นมะพร้าว หรือ กลิ่นมะพร้าวน้ำหอมเข้าไป วิธีนี้จะทำให้มีกลิ่นหอมมากในตอนเปิดขวดหรือเปิดใช้ หลังจากนั้นความหอมจะจางลง และเปลี่ยนเป็นเหม็นเปรี้ยว และทำให้อายุของน้ำมันมะพร้าวอยู่ได้ไม่นาน 

3. ความเบา น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีความเบา มีความหนืดน้อยมาก เวลารับประทานจะผ่านลำคอได้ง่ายและเร็ว มีความรู้สึกเหมือนละลายในปาก ในขณะที่กลืนลงคอไม่มีกลิ่นรุนแรง ไม่เลี่ยน

4. ความซึมเข้าสู่ผิว น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีโมเลกุลเล็ก ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่ทิ้งคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิว
น้ำมันมะพร้าวดีต่อผิวหนังอย่างไร?

น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะพร้าวน้ำมันมะพร้าว,น้ำมะพร้าว,น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์,coconut,coconutvirgin

1. ฆ่าเชื้อโรคที่ทำอันตรายต่อผิวหนัง เพราะน้ำมันมะพร้าว มีกรดลอริก ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดเดียวกันกับที่อยู่ใต้ผิวหนัง คอยช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง สิว ฝ้า กระ หูด

2. ต่อต้านการเติมออกซิเจน น้ำมันมะพร้าว มีสารต่อต้านการเติมออกซิเจน หรือ แอนตีออกซิแดนต์ (antioxidant) ซึ่งช่วยต่อต้านการเติมออกซิเจนสาเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการเหี่ยวย่นของผิวหนัง จึงช่วยปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสงแดดได้ดี

3. ซึมสู่ผิวหนังได้รวดเร็ว น้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดกลาง จึงซึมผ่านผิวหนังได้สะดวก และ รวดเร็ว

4. กระตุ้นให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออก และเกิดเซลล์ใหม่ น้ำมันมะพร้าวเป็นสารธรรมชาติ ที่ช่วยให้เซลล์ที่ตายแล้ว หลุดลอกออกจากผิวหนัง (natural exfoliant) ที่ดีที่สุด หากผิวหนังไม่สามารถลอกเซลล์ที่ตายแล้วออกไป เซลล์ที่เกิดใหม่ จะเกิดบนเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหนังหยาบกระด้าง และแตก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดออกไป และ กระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนวัย ปราศจากรอยเหี่ยวย่น และอาการชราภาพก่อนวัย

5. ผิวนุ่ม ชุ่ม เนียน: น้ำมันมะพร้าวแทรกซึมเข้าไปใต้ผิวหนังอย่างรวดเร็ว ทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มความชุ่มชื้น (moisturizer) ให้แก่ผิวหนังอย่างดี เพราะน้ำมันมะพร้าว เป็นสารตัวเดียวกันกับน้ำมันธรรมชาติ (sebum) ที่มีอยู่ในต่อมขุมขนใต้ผิวหนัง

6. ป้องกันและรักษา ฝ้า กระ จุด หรือรอยบุ๋ม: น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริกซึ่งจะเปลี่ยนเป็นโมโนลอริน ซึ่งเป็นสารฆ่าเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของฝ้า กระ หรือจุด ต่างๆ อีกทั้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผิวหนัง

7. ป้องกันและรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน: น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน  โรคผิวหนังอักเสบ และโรคผิวหนังติดเชื้ออื่นๆ

8. ป้องกันและรักษาการเกิดอาการไหม้เกรียมเพราะถูกแสงแดด (Sunburn) น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการอักเสบ หรือไหม้เกรียมของผิวหนัง เนื่องจากถูกแสงแดด เป็นเวลานาน เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นยากันแดดได้ดี อีกทั้งยังไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนครีมกันแดดส่วนมาก

9. ป้องกันริมฝีปากแตก: น้ำมันมะพร้าวทำหน้าที่เป็นยาทากันริมฝีปากแตก (Lip balm) ได้ดี เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก

10. รักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย นำน้ำมันมะพร้าวมาถูบริเวณที่เป็นผื่นแดง ไม่นานผื่นแดงนั้นก็จะหายไป พร้อมทั้งอาการคันหรือปวดแสบปวดร้อนจากพิษแมลง ก็จะดีขึ้น

11. ป้องกันและรักษาโรคมะเร็งผิวหนัง: นอกจากจะทำให้ผิวหนังดูอ่อนวัยแล้ว น้ำมันมะพร้าวซึ่งถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้ง่าย เพราะมีโมเลกุลขนาดเล็ก ยังช่วยสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ผิวหนัง ทั้งผิวด้านนอก และส่วนลึก จึงช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระได้ อันส่งผลให้สามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้เป็นอย่างดี

เรียบเรียงจาก "สวยได้ด้วยน้ำมันมะพร้าว" โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา

ทำไมต้องเลือกชนิดน้ำมันสำหรับทอด หรือ ผัด

น้ำมันมะพร้าว บริสุทธิ์สกัดเย็น 100%

คุณสมบัติของน้ำมันนั้นขึ้นอยู่กับความอิ่มตัว และความยาวของโมเลกุล 

น้ำมันที่มีความอิ่มตัวสูง จะมีคุณสมบัติคงสภาพและทนต่อความร้อนได้ดี เมื่อโดนความร้อน หรือความร้อนสูงที่ใช้ในการทอด โมเลกุลก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ยอมให้ ไฮโดรเจน หรือออกซิเจน เข้าไปจับตัวเพิ่ม (ขบวนการ OXIDATION ที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ) 

น้ำมันที่ไม่อิ่มตัว เนื่องจากแขนของโมเลกุลยังมีช่องว่างอยู่ ไฮโดรเจน หรือ ออกซิเจน จึงเข้าไปจับตัวได้ง่าย เกิดการ OXIDATION เกิดเป็นอนุมูลอิสระ และทำให้น้ำมันเสียได้เร็ว 
สาเหตุที่ทำให้น้ำมันเสียมีอยู่ 5 วิธี 
1. แสงสว่าง 
2. ความร้อน 
3. ออกซิเจน 
4. ไฮโดรจิเนต (การเติมไฮโดรเจนเข้าไป เพื่อเปลี่ยนจากไขมันไม่อิ่มตัวเป็นอิ่มตัว ไขมันชนิดนี้อันตรายต่อสุขภาพมาก เรียกว่า TRANS FAT) 
5. โฮโมจิไนซ์ การทำให้ไขมันแตกตัว 

ในขบวนการผลิตน้ำมันผ่านกรรมวิธี โมเลกุลของน้ำมันได้ถูกรบกวนและเกิดเป็นอนุมูลอิสระไปแล้วในระดับหนึ่ง และถ้านำมาใช้ซ้ำอีกขบวนการเกิด TRANS FAT จะเกิดขึ้นได้สูงมาก 

ปัจจุบันคนไทยมีความรู้สึกที่ดีมากกับน้ำมันมะกอก (VIRGIN OLIVE OIL) ให้ค่านิยมว่าเป็นน้ำมันสุขภาพ และนำมาใช้ปรุงอาหารทุกชนิดในครัว 

ถึงแม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีกรดโอเลอิกที่มีประโยชน์มากต่อร่างกาย แต่กลับมีปริมาณไขมันอิ่มตัวเพียง 14% ปริมาณไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง 77% และปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง 9% ด้วยคุณสมบัตินี้ทำให้น้ำมันมะกอกไม่มีความคงทนต่อความร้อน จึงควรใช้ประกอบอาหาร เช่น น้ำสลัด หรือ การผัดอาหารที่ใช้น้ำมันไม่มาก และไม่ใช้ความร้อนสูง 

ดังนั้นถ้าต้องการทอดอาหารหรือปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนสูง อย่างสบายใจจึงควรใช้น้ำมันที่ผลิตโดยวิธีบีบเย็น (COLD PRESSED) และมีความอิ่มตัวสูงเท่านั้น เนื่องจากมีคุณสมบัติทนต่ออากาศ แสง และความร้อนได้ดี ส่วนน้ำมันพืช COLD PRESSED ชนิดอื่นๆ เมื่อเปิดใช้แล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อป้องกันการเกิด OXIDATION จากอากาศและแสง