RSS

โพสต์บล็อกที่ติดแท็ก'สะเก็ดเงิน'

บันทึกหมอแดง 02/01/ 2553 :: น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคสะเก็ดเงิน –ภาค 2
บันทึกหมอแดง 02/01/ 2553:: น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคสะเก็ดเงิน –ภาค 2
ผู้เขียนได้รู้จักเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเงินท่านหนึ่ง วันที่พบ ได้เห็นอาการที่เล็บเป็นหลุม ผิวหนังเป็นผื่นมีขุย อาการเป็นมาก ได้ถามเขาว่า เป็นสะเก็ดเงินใช่ไหม? โรคนี้รักษาให้ทุเลาลงได้ แต่ไม่หายขาด เขาบอกว่าเป็นมา 20 กว่าปีแล้ว ไปหาหมอรักษาก็หลายที่ เข้าๆ ออก ๆ โรงพยาบาลหลายแห่ง คลินิก หรือสถานที่ที่ไหน บอกว่ารักษาได้ ไปมาหมด แต่ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไร ค่ารักษาทางแผนปัจจุบันที่รักษาอยู่ก็แพงมาก คอร์สละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท วิธีที่หมอรักษา ทั้งฉายแสง โดยใหรังสี UVB 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น 1-2 ครั้ง /สัปดาห์ อาการก็แค่ทุเลาลง

 

สักพักก็กลับมาเป็นหนักอีก เสียเวลาในการทำงานมาก ส่งนยารับประทานใช้ยาเม็คโธเทร็กเซ็ต บางครั้งก็เป็นยานิไอลอน, นิคาสัน แล้วแต่หมอจัดให้ ยาแต่ละชนิด ก็ส่งผลข้าเคียง เช่นมีอาการผมร่วง คลื่นไส้ กินไม่ลง เจ็บท้อง มีผลต่อตับและปอด เป็นหวัดง่าย ยาทาพวกสเตอรอยด์ แรกๆก็ให้ผลดี ถ้าใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ ก็มีผลข้างเคียงได้ ส่วนน้ำมันดิน ก็ใช้ได้ผลบ้าง แต่เลอะเทอะสกปรกเวลาใช้ และมีกลิ่นไม่ดี
ถ้าใครไม่เป็นจะไม่รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ไปอยู่ที่ไหนสังคมก็รังเกียจ ผู้เขียนเลยบอกเขาว่า โรคนี้สามารถรักษาให้ทุเลาลงได้ แต่ไม่หายขาด วิธีการรักษาก็ไม่ยุ่งยาก เขารีบพูดว่า บอกมาเถอะไม่หายก็ไม่เป็นไร ขอเพียงทุเลาบ้างก็พอ 
สูตรของผู้เขียน ที่บอกให้ผู้ป่วยโรคนี้ใช้ ได้ผลไม่ต่ำก่ว่า 50% มาก่อน วิธีเพียงใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ดังนี้

 

  1. ใช้ทา ตรงส่วนที่เป็นได้ทั้งหมด ผมหรือหนังศรีษะ วันละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง/วัน ไม่เหนียวเลอะเทอะ ทาไปสักพักหนึ่ง น้ำมันก็จะซึมสู่ผิว
  2. ใช้รับประทาน ตื่นเช้ารับประทาน 2 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับน้ำมันโอเมกา 3 จำนวน 2 แคปซูล และขมิ้นชัน 5 เม็ด และก่อนนอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันโอเมกา 3 จำนวน 2 แคปซูล ขมิ้นชัน 5 แคปซูล (เหมือนตอนเช้า) 
    หลังจากบอกสูตร การใช้ไปเป็นเวลา 10 วัน เขาได้โทรฯมาหา กล่าวคำขอบคุณกับผู้เขียน อย่างมาก ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก แจ้งว่าโรคที่เป็นอยู่ทุเลาลงไม่ต่ำกว่า 70% เหลือเชื่อมาก นี่ขนาดยังไม่ได้ทานขมิ้นชันนะ ผู้เขียนบอกไปว่า ถ้าอยากให้ดีขึ้นกว่านี้ ควรรับประทานขมิ้นชันและเพิ่มสูตรน้ำสับปะรด น้ำมะละกอดิบ และน้ำใบตำลึง โดยให้ใช้เครื่องปั่นแยกกากและน้ำ โดยดื่มเฉพาะน้ำเท่านั้น ดื่มภายใน 5 นาที เพื่อให้ร่างกายได้รับเอนไซม์เพิ่มขึ้น
    - น้ำสับปะรด มีเอนไซม์บรอมีเลน (Brome lain) - ย่อยโปรตีน 
    - น้ำมะละกอดิบ มีเอนไซม์ปาเปน (Papain) - ย่อยโปรตีน
    - น้ำใบตำลึงดิบ มีเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) - ย่อยแป้ง
    เอนไซม์เป็นพลังชีวิต ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานดีขึ้น โดยแนะนำให้เขารับประทานผักสด ผลไม้ ในอาหารทุกๆ มื้อ และพยายามหลีกเลี่ยง แป้งขีดขาว น้ำตาลทรายขาว กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น 
    เวลาผ่านไป 2 เดือนกว่า ได้คุยกับเขาอีก บอกว่าตอนนี้อาการที่เป็นอยู่ทุเลลงไม่ต่ำกว่า 80% ระยะเวลาที่เคยเป็นโรคนี้มา 20 ปี ยังไม่มีครั้งไหนดีเท่านี้ มาก่อนเลย ไปหาหมอๆ ยังทักไปทำอะไรมาถึงดีขึ้น แต่ไม่ได้บอกไป 
    ผู้เขียนเลยถามไปว่ารับประทานครบสูตรหรือเปล่า เขาตอบว่า “ทานครับ ยกเว้นการรับประทานน้ำเอนไซม์ เพราะยังไม่ได้ซื้อเครื่องปั่นมาคั้น แต่รับประทานเป็นของสดแทน” ผู้เขียนได้แนะนำเพิ่มเติมไปอีดนิดหนึ่งว่า ให้งดอาหารที่ใช้น้ำมันที่ผ่านขบวนการ RBD (ผ่านกรรมวิธี) ยิ่งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ทานาตะวัน รำข้าว จะมีกรดไขมันโอเมกา 6 สูง ซึ่งปกติ อัตราส่วนที่เหมาะสมคือ โอเมกา 6: โอเมกา 3 2:1 แต่ปัจจุบัน อาหารแทบทุกชนิดมี โอเมกา 6 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราส่วน เป็น 40:1 ซึ่งถ้า โอเมกา 6 มากไป จะทำให้เกิดการอับเสบ (เพราะมีพรอสตาแกลนดินสูง) 
    แม้ว่า โอเมกา 3 ที่มีอยู่ในน้ำมันไม่อิ่มตัวในรูปของกรดไลโนเลนิก แต่มีปริมาณน้อยมมาก เมื่อเทียบกับโอเมกา 6 ที่อยู่ในรูปของกรดไลโนเลอีก อีกทั้งน้ำมันทั้งสองยังเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวที่ถูกเติมออกซิเจนตลอดเวลา ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงไม่ควรบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวทุกชนิด 
    โดย รุจน์ สุวรรณเสรีเกษม กรรมการกลาง ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าว กัลปพฤกษ์ ฉบับที่ 9 ประจำเดือน ตุลาคม 2552