โพสต์: 12 years ago อ้าง #27
<table width="778" height="624" border="0" cellspacing="6">
<tbody>
<tr>
<td height="25" valign="middle" bgcolor="#dfdfdf"><font color="#ffffff"><b><font color="#336699" size="4">&nbsp;&nbsp;</font><font color="#003399" size="4"><a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น</a> กับประโยชน์มากมายที่ต้องรู้</font></b></font></td></tr>
<tr>
<td height="2" valign="top"><br/></td></tr>
<tr>
<td align="center" height="111" valign="top"><img width="359" height="234" src="http://www.99fame.com/main99fame/main_haircare/01haircare_sub_01/coconut%20oil2.jpg" complete="complete" /></td></tr>
<tr>
<td align="center" height="2947" valign="top">
<table width="715" height="354" border="0" cellspacing="6">
<tbody>
<tr>
<td align="left" height="1631" valign="top">
<p><font color="#0033ff">สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่รู้ข้อมูลของ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมากนัก เราจึงได้นำบทความที่มีประโยชน์<br />
นี้มาใหได้้อ่านกัน อาจเป็นบทความที่ค่อนข้างยาวแต่มีประโยชน์มากมายที่ควรรู้ไว้ ....เนื่องจาก<br />
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้นยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่มันคือผลผลิตจากธรรมชาติที่มีประโยชน์สูง<br />
มากมายจริงๆ..คุณควรรู้จักมันไว้</font></p>
<p><font color="#ff0000">สุขภาพที่ดีของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับสถานภาพ 4 ประการ คือ</font><br />
<b><font color="#660000">1. การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง</font></b><font color="#660000"><br />
จากบทบาททางสรีรวิทยาของน้ำมันมะพร้าวที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้ผู้บริโภคน้ำมันมะพร้าวมีสุข<br />
ภาพดี แข็งแรง เพราะได้พลังงานทันทีที่บริโภค<a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">น้ำมันมะพร้าว</a> นอกจากนั้น น้ำมันมะพร้าวยังมีคุณทาง<br />
อาหาร โดยเฉพาะวิตามิน และเกลือแร่ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคุณค่าของอาหารโดย<br />
การเพิ่มการดูดวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก จึงถูกย่อย<br />
ง่าย และเคลื่อนที่เร็วไปตามของเหลวในร่างกาย จึงเป็นที่นิยมใช้หุงต้มอาหารสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาการ<br />
ย่อยไขมัน และยังใช้ในสูตรน้ำนม เพื่อให้ไขมันที่จำเป็นแก่เด็กทารก และช่วยในการดูดซึมแคลเซียม<br />
และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนากระดูก</font></p>
<p><b><font color="#333300">2. ช่วยให้ปลอดจากโรคไม่ติดเชื้อ</font></b><font color="#333300"><br />
โรคไม่ติดเชื้อที่ น้ำมันมะพร้าวมีส่วนในการลดอัตราการเกิด ได้แก่<br />
<br />
<b>2.1 โรคหัวใจ</b> : จากผลการวิเคราะห์พบว่า น้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลน้อยมาก เพราะมีเพียง 14 ส่วน<br />
ในล้านซึ่งน้อยกว่าน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งมี 28 ส่วน และที่สำคัญคือ เมื่อบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไป ในร่าง<br />
กาย ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิต อีกทั้งยังไม่ได้ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเหมือนกับน้ำ<br />
มันพืชประเภทไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลืองที่ถูกเติมไฮโดรเจน (hydrogenate) ในขบวนการผลิต และถูก<br />
เติมออกซิเจน (oxidize) ระหว่างเดินทางก่อนถูกบริโภค จนเกิดเป็นtrans fatty acids ซึ่งเป็นตัวการทำให้<br />
เกิดลิ่มเลือด และไปอุดตันหลอดเลือดนอกจากนั้นน้ำมันมะพร้าวยังมีวิตามินอีที่ช่วยขยายหลอดเลือด และ<br />
ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ นักโภชนาการสมัยใหม่จึงสรุปว่า น้ำมันมะ<br />
พร้าวช่วยทำให้หัวใจมีสุขภาพดี เพราะเป็นหนึ่งในสองชนิดของน้ำมันบริโภค ซึ่งช่วยลดความหนืด<br />
(stickiness) ของเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ <a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">น้ำมันมะพร้าว</a>อุดมไปด้วยโคเลสเตอรอลจริงหรือ?<br />
<br />
<b>ชนิดของน้ำมัน</b><br />
ปริมาณคอเรสเตอรอล (ส่วนต่อล้าน)<br />
น้ำมันมะพร้าว 14 / น้ำมันปาล์ม 18 / น้ำมันถั่วเหลือง 28 / น้ำมันข้าวโพด 50 / เนยเหลว 3,150 /<br />
น้ำมันหมู 3,500<br />
</font></p>
<p></p>
<p><font color="#333300"><b>2.2 โรคมะเร็ง</b> : น้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง ด้วยกลไก 2 วิธี คือ</font></p>
<p><font color="#333300">(1) เนื่องจากเป็นน้ำมันประเภทอิ่มตัวจึงไม่ถูกเติมไฮโดรเจน (hydrogenate) และแตกตัวเมื่อถูกกับ<br />
อุณหภูมิสูง<br />
(2) มีวิตามินอีช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ของยีน เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง และ<br />
การทำร้ายเซลล์ การใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมตัว ก็ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ดีกว่ายาทากันแดดราคาแพง</font></p>
<p><font color="#333300"><b>2.3 โรคอ้วน </b>: โรคอ้วนนั้นมีความสัมพันธ์กับสภาพต่าง ๆ เช่น การมีไขมันในเลือดสูงเป็นโรคเบาหวาน<br />
มีความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคข้ออักเสบ ภาวะหยุดหายใจ ขณะหลับ ฯลฯ<br />
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง (ในขบวนการ thermogenesis) ทำให้ร่าง<br />
กายมีอัตราการเผาผลาญอาหาร หรือเมตาบอลิซึม (metabolism) สูงเกิดเป็นพลังงานสำหรับใช้ในการดำ<br />
รงชีวิต อีกทั้งยังช่วยทำลายไขมันที่ร่างกายสะสมอยู่ นำไปใช้เป็นพลังงาน ดังนั้น ผู้บริโภคน้ำมันมะพร้าว<br />
เป็นประจำจึงไม่อ้วน<br />
<b>2.4 โรคเบาหวาน</b> : ผลพลอยได้ของการเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานจากการบริโภคน้ำ<br />
มันมะพร้าวทำให้ร่างกายไม่สะสมน้ำตาล เพราะถูกใช้ไปเป็นพลังงานหมด อีกทั้งยังไม่ทำให้ผู้ป่วยอยากรับ<br />
ประทานอาหารที่เป็นแป้งหรือน้ำตาล จึงช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานไปได้โดยปริยาย<br />
<b>2.5 โรคปวดเมื่อย โรคชราภาพก่อนวัย โรคมะเร็งผิวหนัง และโรคกระดูก</b> : น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมัน<br />
ที่ถูกดูดซึมเข้าทางผิวหนังได้ดี เพราะมีขนาดของโมเลกุลเล็กจึงนิยมใช้นวดตัวให้หายปวดเมื่อย และผ่อน<br />
คลายความเครียด อีกทั้งยังปกป้องการทำลายของแสงอัลตราไวโอเลตที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยย่นแก่ก่อนวัย<br />
และเป็นมะเร็งผิวหนัง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของกระดูกให้แข็งแรง แพทย์แผนไทยจึงนิยมนำน้ำมัน<br />
มะพร้าว มาประกอบเป็นสูตรยาแผนโบราณในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูก อันเนื่องมาจากการประสบ<br />
อุบัติเหตุ</font></p>
<p><b><font color="#000099">3. ช่วยให้ร่างกายปลอดจากโรคติดเชื้อ</font></b><font color="#000099"><br />
จุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรคเป็นสาเหตุของโรคของมนุษย์มากมายเหลือคณานับแต่ก็แปลกที่เด็กทารกแรก<br />
คลอดที่ดูดน้ำนมมารดาเป็นประจำมักไม่ค่อยเป็นโรคเหล่านี้ ทั้งนี้ก็เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากน้ำ<br />
นมมารดา ได้มีการค้นพบว่าสารสำคัญในนมน้ำเหลือง (cholostum) ของมารดานี้ คือ กรดลอริก ซึ่ง<br />
เมื่อเข้าไป ในร่างกายก็เปลี่ยนไปเป็นสารโมโนลอริน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะนั่นเอง ผลการ<br />
วิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำมันมะพร้าวพบว่ามีกรดลอริกสูงมากถึง 48-53% ซึ่งมากกว่าในน้ำนม<br />
มารดามาก ในปัจจุบันวงการแพทย์สมัยใหม่ได้แนะนำให้ประชาชนกินยาเม็ดที่มีโมโนลอรินเพื่อเพิ่ม<br />
ภูมิคุ้มกันโรค</font></p>
<p><b><font color="#660000">4. การรักษาโรค</font></b><font color="#660000"><br />
จากการที่น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็น<a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">ยาฆ่าเชื้อ</a> และสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดี และรวดเร็ว<br />
ตำราอายุรเวทของอินเดียจึงได้ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคมาไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี แพทย์แผนไทยก็ได้<br />
ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคทั้งภายในและภายนอกมาเป็นเวลาช้านาน เช่น ในตำราพระโอสถพระนารายณ์<br />
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาได้ใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นยานวดแก้ปวดเมื่อย ยารักษาโรคกระดูก ยารักษาแผล<br />
เน่าเปื่อย ส่วนตำราแพทย์แผนไทยในปัจจุบันก็แนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคกระดูกที่เกิดจาก<br />
อุบัติเหตุ รักษา เม็ดผดผื่นคัน ลบริ้วรอย แผลฟกช้ำ ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ และป้องกันแสงแดด และ<br />
ความร้อน แม้กระทั่งแพทย์แผนปัจจุบันชาวตะวันตก ก็ให้คนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารหรือ<br />
การดูดซึมอาหาร เด็กทารกรวมทั้งเด็กเล็กที่ไม่สามารถย่อยไขมัน กินน้ำมันมะพร้าวเป็นยารักษาโรค<br />
ศักยภาพของน้ำมันมะพร้าวในการรักษาโรคมีดังนี้</font></p>
<p><font color="#660000">4.1 โรคที่เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ เชื้อโรคที่กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวสามารถทำลายได้ ได้แก่ เชื้อ<br />
แบคทีเรีย เชื้อราและยีสต์ เชื้อโปรโตซัว และเชื้อไวรัส โมโนลอรินหรือสารปฏิชีวนะในน้ำมันมะพร้าว<br />
มีจุดเด่นสองประการ คือ ไม่ทำให้เกิดการดื้อยาของเชื้อโรค และสามารถฆ่าเชื้อโรคบางชนิดที่มีเกราะ<br />
ไขมันห่อหุ้มเซลล์ ที่ยาปฏิชีวนะธรรมดา ไม่สามารถฆ่าได้ แต่น้ำมันมะพร้าว สามารถละลายเกราะไขมัน<br />
นี้ได้ แล้วจึงเข้าไปฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ เท่าที่ได้มีการวิจัยพบว่า เชื้อโรคที่มีเกราะ<a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">ไขมัน</a>ห่อหุ้มนี้เป็นโรคร้าย<br />
ในปัจจุบันที่รักษายากมาก เพราะทำลายมันไม่ได้ อย่างดีก็หยุดไม่ให้มันขยายพันธุ์โรคเหล่านี้ เช่น ไวรัส<br />
โรคเอดส์ โรค SARS ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และกำลังมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล<br />
4.2 โรคผิวหนัง ผิวหนังที่ถูกอนุมูลอิสระเข้าทำลาย หรือจากการถูกทำร้าย จนเกิดเป็นแผลที่เชื้อโรคจะ<br />
เข้าทำลายต่อโมโนลอรินในน้ำมันมะพร้าว ซึ่งเป็นสารปฏิชีวนะจะช่วยกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้<br />
4.3 รังแคหนังศีรษะ น้ำมันมะพร้าวมีสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคที่ทำให้เกิดรังแค หากชโลมผมด้วยน้ำ<br />
มันมะพร้าวจะช่วยรักษารังแคหนังศีรษะได้........</font></p></td></tr>
<tr>
<td align="center" height="97" valign="top"><img width="288" height="288" src="http://www.99fame.com/main99fame/main_haircare/01haircare_sub_01/coconut%20oil.jpg" complete="complete" /></td></tr>
<tr>
<td align="left" height="636" valign="top">
<p><b><font color="#006600">บทบาทของน้ำมันมะพร้าวต่อความงาม</font></b><font color="#006600"><br />
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ใด ๆ เจือปน โดยเฉพาะยากำจัด<br />
ศัตรูพืช ซึ่งมักจะมีอยู่ในน้ำมันพืชอื่น ๆ เนื่องจากกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก ทำให้<br />
ถูกดูดซึมเข้าไปได้ง่าย เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวในสภาพที่สกัดได้ตามธรรมชาติทันที โดยไม่ต้องทำ<br />
ให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่น ดังเช่นน้ำมันพืชอื่น ๆ จึงปลอดภัยจากอันตรายจากสารเคมี น้ำมันมะ<br />
พร้าวมีบทบาทต่อความงาม ในเรื่องดังต่อไปนี้</font></p>
<p><font color="#006600"><b>1. รูปร่างได้สัดส่วน ไม่อ้วน แต่แข็งแรง</b><br />
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวที่เราบริโภคเข้าไปสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ทันที จึงไม่มีไขมันสะสมใน<br />
ร่างกาย อีกทั้งยังกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น จึงนำเอาไขมันที่ร่างกายสะสมไว้ก่อนหน้า ไปใช้<br />
เผาผลาญให้เกิดพลังงาน จึงช่วยลดความอ้วนได้ ดังนั้นผู้ที่บริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจึงไม่อ้วน<br />
(เพราะไม่มีไขมันสะสม) แต่ร่างกายก็สันทัดสมส่วน และแข็งแรง</font></p>
<p><font color="#006600"><b>2. ผิวสวย</b><br />
การนวดหรือชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าว ช่วยให้ผิวสวย เพราะ :<br />
2.1 ผิวดูอ่อนวัย : น้ำมันมะพร้าวที่ใช้ชโลมตัว ทั้งในรูปน้ำมันมะพร้าวสด ๆ หรือในรูปของผลิตภัณฑ์น้ำมัน<br />
มะพร้าว เช่น ครีม และโลชั่นจะทำให้<a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">ผิว</a>พรรณนุ่มไม่แตกแห้งเป็นกระ หรือฝ้า แต่ชุ่มชื้นและผิวเนียน ปราศ<br />
จากริ้วรอยย่นทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอีที่มีอานุภาพมากกว่าวิตามินอีในเครื่องสำอางช่วยต่อต้าน<br />
อนุมูลอิสระที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์จากขบวน<br />
การเติมออกซิเจน (Oxidation) ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและทับถมกันจนทำให้ผิวแห้งขณะ<br />
เดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย<br />
<b>2.2 ผิวนุ่มและเนียน</b> : ตามปกติผิวหนังจะสูญเสียความชื้นเพราะถูกแดดและลม น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติ<br />
เป็นสารรักษาความชุ่มชื้น (Moisturizer) จึงช่วยให้ผิวหนังนุ่มและเนียน<br />
2.3 ช่วยป้องกันและรักษาฝ้า และกระ : อนุมูลอิสระเป็นตัวการอันหนึ่งของการเกิดฝ้า และกระ วิตามินอี<br />
ในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ทำลายอนุมูลอิสระเหล่านี้ เราสามารถใช้นำมันมะพร้าวเป็นยากันแดดได้ดีอีก<br />
ทั้งยังไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนยากันแดดบางชนิด และราคาก็ถูกกว่า</font></p>
<p><b><font color="#003399">3. ผมงาม</font></b><font color="#003399"><br />
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) อีกทั้งยังมีสาร<br />
ปฏิชีวนะ (จากโมโนลอริน) และสาร antioxidant (จากสารโทโคทรินอลในวิตามินอี) จึงมีส่วนทำให้<a shape="rect" href="www.coconutplaza.com" target="_self">ผม<br />
</a>งาม จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้ :</font></p>
<p><font color="#003399">3.1 ช่วยปรับสภาพของผม : น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมัน hair conditioner ที่ช่วยทำให้ผมนุ่มดำเป็นเงางาม<br />
เพราะมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมการเจริญของเส้นผม<br />
<br />
3.2 ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะ : น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะทั้งนี้ เพราะน้ำมันมะ<br />
พร้าวมีสารปฏิชีวนะที่คอยทำลายเชื้อโรค หนังศีรษะจึงไม่มีรังแค และมีวิตามินอีที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ หนัง<br />
ศีรษะจึง่มีสุขภาพดี<br />
<br />
3.3 ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี : เส้นผมประกอบด้วยส่วนนอก (culticle) ที่ทำหน้าที่ หุ้มส่วนใน (cortex)<br />
หากส่วนนอกอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด เส้นผมก็จะปกติ มีความยืดหยุ่น (elasticity) ทนทานต่อการบิดงอ<br />
และมีความเหนียว ส่วนในซึ่งประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่า เคอราทิน (keratin) ที่มีประกอบด้วยเส้นเล็กๆ<br />
มัดรวมกัน โปรตีนของเส้นผมจะสูญเสียหรือสลายตัวไปตามอายุขัย แต่อาจเร็วขึ้นจากการไม่รักษาผมให้ดี<br />
และการทำร้ายเส้นผม เช่น จากการดัดผม การย้อมผมด้วยน้ำยาเคมี แม้กระทั่งการหวีผมที่ใช้หวีที่คม น้ำ<br />
มันมะพร้าวจึงช่วยลดปริมาณการสูญเสียของเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติยึดเกาะ (affinity) กับ<br />
โปรตีนของเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังมีขนาดเล็กจึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก ในขณะที่น้ำมันทานตะวัน<br />
และน้ำมันแร่ (mineral oil) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมน้ำมันใส่ผม ไม่ได้มีส่วนช่วย<br />
แต่อย่างใด เพราะไม่สามารถซึมเข้าไปในเส้นผมได้เหมือนน้ำมะพร้าว........</font></p></td></tr>
<tr>
<td align="left" height="2" valign="top">
<p><br />
<br />
<br />
<br />
Credit : บทความดีๆ จากกลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร<br />
สถาบันการแพทย์แผนไทย<br />
</p></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>