โพสต์: 12 years ago อ้าง #116
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN" "http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
<html xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8" />
<title>Untitled Document</title>
</head>

<body>
<p align="center"><strong>Virgin Coconut Oil Diet : กินไขมันกันอ้วน</strong></p>
<p align="center">&nbsp;</p>
<p><strong>แม้การลดความอ้วนด้วยวิธีควบคุมอาหารจะมีมากมาย  แต่การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดน้ำหนัก คือกินไขมันเพื่อลดไขมัน ซึ่งเป็นวิธีการแบบหนามยอกต้องเอาหนามบ่งนี้  พบว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ </strong><strong>4-5 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน</strong></p>
<p>&nbsp;</p>
<p>    ในบ้านเรากระแสการกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเริ่มแพร่หลาย  แต่ยังมีความเข้าใจผิดเรื่องวิธีใช้และสรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์อยู่มาก  ศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะลันห์ กล่าวว่า &ldquo;มีการให้ข้อมูลผิดๆ  ว่าน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เป็นแหล่งของกรดไขมันพวกรอลิค (ซี12) สูง ซึ่งถ้าบริโภคในปริมาณมากและต่อเนื่องจะทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด  นอกจากนี้ยังมีการอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีสรรพคุณคล้ายกับสารที่มีอยู่ในน้ำนม  ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีกรดไขมันพวกคาพริลิค (Caprylic) ที่สลายพลังงานได้เร็วและมีคุณสมบัติคล้ายคาร์โบไฮเดรต  คือจะถูกย่อยสลายในลักษณะคล้ายน้ำตาล แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องใช้อินซูลีน&rdquo; <br />
  <br />
  &quot;ส่วนข้อแนะนำการบริโภคที่ให้คลุกเคล้ากับอาหารมื้อละ  1 ช้อนโต๊ะนั้น  หากปฏิบัติตามอาจช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล  แต่น้ำหนักจะไม่ลดลงหากกินไขมันพร้อมกับคาร์โบไฮเดรต  และในทางกลับกันการกินแบบนี้จะยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายสะสมไขมันมากขึ้น&quot;<strong> น้ำมันมะพร้าวลดอ้วน</strong> <br />
  <br />
  น้ำมันมะพร้าวจัดเป็นน้ำมันพืชชนิดแรกๆ  ที่เรารู้จักและนำมาใช้ปรุงอาหารหรือบำรุงความงาม เช่น ทาผิว หมักผม เป็นต้น  แต่ภายหลังนิยมบริโภคน้อยลง เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงทำให้อ้วนและเกิดไขมันสะสม  ส่วนน้ำมันมะพร้าวที่กินเพื่อลดความอ้วนในปัจจุบันไม่เหมือนกับน้ำมันมะพร้าวแบบเดิมที่สกัดโดยใช้ความร้อน  แต่เป็นน้ำมันมะพร้าวที่เรียกว่า Virgin coconut oil ซึ่งผ่านกระบวนการหีบเย็น  คือ ใช้วิธีการปั่น บีบน้ำมันออกมาโดยตรง  หรือการแยกหมักด้วยแบคทีเรียเพื่อแยกน้ำมัน  และด้วยกรรมวิธีที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวสองชนิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  โดยชนิดใหม่จะช่วยลดความอ้วนและไม่ตกค้างในร่างกาย <br />
  <br />
  น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีองค์ประกอบของกรดไขมันที่มีประโยชน์อยู่มาก  โดยเฉพาะกรดไขมันความยาวขนาดกลาง (มีเดียมเชน ไตรกลีเซอไรด์)  ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือ จะถูกส่งผ่านกระแสเลือดโดยตรง  จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว แตกต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น  นอกจากนี้ยังพบสารไมโตรนิวเตรียนบางตัวที่อยู่ในมะพร้าว เช่น กลุ่มฮอร์โมนพืช  ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง</p>
<p><br />
  <strong>ทฤษฎีลดน้ำหนัก</strong> <br />
  <br />
  การกินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์เพื่อลดความอ้วนเป็นแนวคิดของแอ็ตกินไดเอ็ต (Atkins Diet) ประเทศสหรัฐอเมริกา  ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในดาราฮอลลีวู้ด เช่น เจนนิเฟอร์ อนิสตัน โดยมีหลักการว่า  ต้องลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งอินซูลิน  ซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมันของร่างกาย หากงดกินแป้งและกินแต่ไขมัน  ไขมันจะกดความอยากอาหาร เมื่อกินไปสักระยะเราจึงกินน้อยลง <br />
  <br />
  น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหารได้ดีกว่าไขมันชนิดอื่น  ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย กระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์  และสร้างความร้อนได้เร็วจึงไม่สะสมในร่างกาย  ทฤษฎีแอ็ตกินแนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ควบคู่กับอาหารแบบโลว์คาร์บ  คืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมูตตี้ น้ำสลัด หรือซอส วันละ 2-3 ช้อนโต๊ะ <br />
  <br />
  ทั้งนี้ศาสตราจารย์ ดร. วินัย ดะลันห์  หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยานิพิดและไขมัน จุฬาฯ ให้ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวว่า  &quot;สามารถทำได้จริงและเห็นผลดี  แต่ควรอยู่ภายใต้การแนะนำของนักโภชนาการ หากกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกิน 2 เดือนขึ้นไป  ควรกินแคลเซียมเสริมเนื่องจากการกินอาหารมันๆ  จะมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย&quot;</p>
<p>&nbsp;</p>
</body>
</html>