RSS

โพสต์บล็อกของ'2014''มิถุนายน'

3 โรคที่มาในฤดูฝน

 

3 โรคที่มาในฤดูฝน

 

อากาศเปลี่ยนแปลง ร้อนชื้น ฝนตกตลอดเวลา 

การดูแลป้องกันสุขภาพอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ที่มักมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ โอกาสเกิดโรคสูง 
โดยเฉพาะ 3 โรค ดังนี้



1. โรคไข้เลือดออก

สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทยมีแนวโน้มที่สูงขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะอยู่ในกลุ่มอายุ 0-14 ปี อัตราป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 5-9 ปี พบเพศหญิงต่อเพศชายใกล้เคียงกัน พบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี พบมากในช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม ... คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดที่นี่





2. โรคมือ เท้า ปาก

ส่วนมากมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Entero Virus (EV) หรือ Coxackie ซึ่งแพร่เชื้อออกมาในน้ำลาย และอุจจาระผู้ป่วย การรับเชื้อสามารถรับผ่านทางปาก จากการปนเปื้อนเชื้อที่มือ ของเล่น น้ำ อาหาร ผู้ป่วยแพร่เชื้อได้ 2-3 วัน ... คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดที่นี่





3. ไข้หวัดใหญ่เรื่องใหญ่... เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ควรระวัง

ความน่ากลัวของไข้หวัดใหญ่ คือ โรคนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ที่พบบ่อยคือ ปอดบวม หรืออาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆได้ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ หรือทำให้โรคประจำตัวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น ... คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดที่นี่


น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กับประโยชน์มากมายที่ต้องรู้
 
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กับประโยชน์มากมายที่ต้องรู้
 

สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่รู้ข้อมูลของ น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นมากนัก เราจึงได้นำบทความที่มีประโยชน์
นี้มาใหได้้อ่านกัน อาจเป็นบทความที่ค่อนข้างยาวแต่มีประโยชน์มากมายที่ควรรู้ไว้ ....เนื่องจาก
น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นนั้นยังไม่แพร่หลายมากนัก แต่มันคือผลผลิตจากธรรมชาติที่มีประโยชน์สูง
มากมายจริงๆ..คุณควรรู้จักมันไว้

สุขภาพที่ดีของมนุษย์ ขึ้นอยู่กับสถานภาพ 4 ประการ คือ
1. การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
จากบทบาททางสรีรวิทยาของน้ำมันมะพร้าวที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ทำให้ผู้บริโภคน้ำมันมะพร้าวมีสุข
ภาพดี แข็งแรง เพราะได้พลังงานทันทีที่บริโภคน้ำมันมะพร้าว นอกจากนั้น น้ำมันมะพร้าวยังมีคุณทาง
อาหาร โดยเฉพาะวิตามิน และเกลือแร่ ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคุณค่าของอาหารโดย
การเพิ่มการดูดวิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก จึงถูกย่อย
ง่าย และเคลื่อนที่เร็วไปตามของเหลวในร่างกาย จึงเป็นที่นิยมใช้หุงต้มอาหารสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาการ
ย่อยไขมัน และยังใช้ในสูตรน้ำนม เพื่อให้ไขมันที่จำเป็นแก่เด็กทารก และช่วยในการดูดซึมแคลเซียม
และแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนากระดูก

2. ช่วยให้ปลอดจากโรคไม่ติดเชื้อ
โรคไม่ติดเชื้อที่ น้ำมันมะพร้าวมีส่วนในการลดอัตราการเกิด ได้แก่

2.1 โรคหัวใจ : จากผลการวิเคราะห์พบว่า น้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลน้อยมาก เพราะมีเพียง 14 ส่วน
ในล้านซึ่งน้อยกว่าน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งมี 28 ส่วน และที่สำคัญคือ เมื่อบริโภคน้ำมันมะพร้าวเข้าไป ในร่าง
กาย ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิต อีกทั้งยังไม่ได้ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวเหมือนกับน้ำ
มันพืชประเภทไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลืองที่ถูกเติมไฮโดรเจน (hydrogenate) ในขบวนการผลิต และถูก
เติมออกซิเจน (oxidize) ระหว่างเดินทางก่อนถูกบริโภค จนเกิดเป็นtrans fatty acids ซึ่งเป็นตัวการทำให้
เกิดลิ่มเลือด และไปอุดตันหลอดเลือดนอกจากนั้นน้ำมันมะพร้าวยังมีวิตามินอีที่ช่วยขยายหลอดเลือด และ
ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ นักโภชนาการสมัยใหม่จึงสรุปว่า น้ำมันมะ
พร้าวช่วยทำให้หัวใจมีสุขภาพดี เพราะเป็นหนึ่งในสองชนิดของน้ำมันบริโภค ซึ่งช่วยลดความหนืด
(stickiness) ของเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยโคเลสเตอรอลจริงหรือ?

ชนิดของน้ำมัน
ปริมาณคอเรสเตอรอล (ส่วนต่อล้าน)
น้ำมันมะพร้าว 14 / น้ำมันปาล์ม 18 / น้ำมันถั่วเหลือง 28 / น้ำมันข้าวโพด 50 / เนยเหลว 3,150 /
น้ำมันหมู 3,500

 

2.2 โรคมะเร็ง : น้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง ด้วยกลไก 2 วิธี คือ

(1) เนื่องจากเป็นน้ำมันประเภทอิ่มตัวจึงไม่ถูกเติมไฮโดรเจน (hydrogenate) และแตกตัวเมื่อถูกกับ
อุณหภูมิสูง
(2) มีวิตามินอีช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการกลายพันธุ์ของยีน เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง และ
การทำร้ายเซลล์ การใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมตัว ก็ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ดีกว่ายาทากันแดดราคาแพง

2.3 โรคอ้วน : โรคอ้วนนั้นมีความสัมพันธ์กับสภาพต่าง ๆ เช่น การมีไขมันในเลือดสูงเป็นโรคเบาหวาน
มีความดันโลหิตสูง เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ตลอดจนโรคข้ออักเสบ ภาวะหยุดหายใจ ขณะหลับ ฯลฯ
การบริโภคน้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง (ในขบวนการ thermogenesis) ทำให้ร่าง
กายมีอัตราการเผาผลาญอาหาร หรือเมตาบอลิซึม (metabolism) สูงเกิดเป็นพลังงานสำหรับใช้ในการดำ
รงชีวิต อีกทั้งยังช่วยทำลายไขมันที่ร่างกายสะสมอยู่ นำไปใช้เป็นพลังงาน ดังนั้น ผู้บริโภคน้ำมันมะพร้าว
เป็นประจำจึงไม่อ้วน
2.4 โรคเบาหวาน : ผลพลอยได้ของการเพิ่มอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานจากการบริโภคน้ำ
มันมะพร้าวทำให้ร่างกายไม่สะสมน้ำตาล เพราะถูกใช้ไปเป็นพลังงานหมด อีกทั้งยังไม่ทำให้ผู้ป่วยอยากรับ
ประทานอาหารที่เป็นแป้งหรือน้ำตาล จึงช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานไปได้โดยปริยาย
2.5 โรคปวดเมื่อย โรคชราภาพก่อนวัย โรคมะเร็งผิวหนัง และโรคกระดูก : น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมัน
ที่ถูกดูดซึมเข้าทางผิวหนังได้ดี เพราะมีขนาดของโมเลกุลเล็กจึงนิยมใช้นวดตัวให้หายปวดเมื่อย และผ่อน
คลายความเครียด อีกทั้งยังปกป้องการทำลายของแสงอัลตราไวโอเลตที่ทำให้ผิวหนังเกิดรอยย่นแก่ก่อนวัย
และเป็นมะเร็งผิวหนัง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของกระดูกให้แข็งแรง แพทย์แผนไทยจึงนิยมนำน้ำมัน
มะพร้าว มาประกอบเป็นสูตรยาแผนโบราณในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับกระดูก อันเนื่องมาจากการประสบ
อุบัติเหตุ

3. ช่วยให้ร่างกายปลอดจากโรคติดเชื้อ
จุลินทรีย์ที่เป็นเชื้อโรคเป็นสาเหตุของโรคของมนุษย์มากมายเหลือคณานับแต่ก็แปลกที่เด็กทารกแรก
คลอดที่ดูดน้ำนมมารดาเป็นประจำมักไม่ค่อยเป็นโรคเหล่านี้ ทั้งนี้ก็เพราะมีภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากน้ำ
นมมารดา ได้มีการค้นพบว่าสารสำคัญในนมน้ำเหลือง (cholostum) ของมารดานี้ คือ กรดลอริก ซึ่ง
เมื่อเข้าไป ในร่างกายก็เปลี่ยนไปเป็นสารโมโนลอริน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะนั่นเอง ผลการ
วิเคราะห์องค์ประกอบของน้ำมันมะพร้าวพบว่ามีกรดลอริกสูงมากถึง 48-53% ซึ่งมากกว่าในน้ำนม
มารดามาก ในปัจจุบันวงการแพทย์สมัยใหม่ได้แนะนำให้ประชาชนกินยาเม็ดที่มีโมโนลอรินเพื่อเพิ่ม
ภูมิคุ้มกันโรค

4. การรักษาโรค
จากการที่น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อ และสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้ดี และรวดเร็ว
ตำราอายุรเวทของอินเดียจึงได้ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคมาไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี แพทย์แผนไทยก็ได้
ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคทั้งภายในและภายนอกมาเป็นเวลาช้านาน เช่น ในตำราพระโอสถพระนารายณ์
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาได้ใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นยานวดแก้ปวดเมื่อย ยารักษาโรคกระดูก ยารักษาแผล
เน่าเปื่อย ส่วนตำราแพทย์แผนไทยในปัจจุบันก็แนะนำให้ใช้น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคกระดูกที่เกิดจาก
อุบัติเหตุ รักษา เม็ดผดผื่นคัน ลบริ้วรอย แผลฟกช้ำ ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ และป้องกันแสงแดด และ
ความร้อน แม้กระทั่งแพทย์แผนปัจจุบันชาวตะวันตก ก็ให้คนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารหรือ
การดูดซึมอาหาร เด็กทารกรวมทั้งเด็กเล็กที่ไม่สามารถย่อยไขมัน กินน้ำมันมะพร้าวเป็นยารักษาโรค
ศักยภาพของน้ำมันมะพร้าวในการรักษาโรคมีดังนี้

4.1 โรคที่เกิดจากการติดเชื้อต่าง ๆ เชื้อโรคที่กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวสามารถทำลายได้ ได้แก่ เชื้อ
แบคทีเรีย เชื้อราและยีสต์ เชื้อโปรโตซัว และเชื้อไวรัส โมโนลอรินหรือสารปฏิชีวนะในน้ำมันมะพร้าว
มีจุดเด่นสองประการ คือ ไม่ทำให้เกิดการดื้อยาของเชื้อโรค และสามารถฆ่าเชื้อโรคบางชนิดที่มีเกราะ
ไขมันห่อหุ้มเซลล์ ที่ยาปฏิชีวนะธรรมดา ไม่สามารถฆ่าได้ แต่น้ำมันมะพร้าว สามารถละลายเกราะไขมัน
นี้ได้ แล้วจึงเข้าไปฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ เท่าที่ได้มีการวิจัยพบว่า เชื้อโรคที่มีเกราะไขมันห่อหุ้มนี้เป็นโรคร้าย
ในปัจจุบันที่รักษายากมาก เพราะทำลายมันไม่ได้ อย่างดีก็หยุดไม่ให้มันขยายพันธุ์โรคเหล่านี้ เช่น ไวรัส
โรคเอดส์ โรค SARS ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และกำลังมีการทดลองเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล
4.2 โรคผิวหนัง ผิวหนังที่ถูกอนุมูลอิสระเข้าทำลาย หรือจากการถูกทำร้าย จนเกิดเป็นแผลที่เชื้อโรคจะ
เข้าทำลายต่อโมโนลอรินในน้ำมันมะพร้าว ซึ่งเป็นสารปฏิชีวนะจะช่วยกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้
4.3 รังแคหนังศีรษะ น้ำมันมะพร้าวมีสารปฏิชีวนะที่ทำลายเชื้อโรคที่ทำให้เกิดรังแค หากชโลมผมด้วยน้ำ
มันมะพร้าวจะช่วยรักษารังแคหนังศีรษะได้........

บทบาทของน้ำมันมะพร้าวต่อความงาม
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติปราศจากสารเคมีสังเคราะห์ใด ๆ เจือปน โดยเฉพาะยากำจัด
ศัตรูพืช ซึ่งมักจะมีอยู่ในน้ำมันพืชอื่น ๆ เนื่องจากกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวมีขนาดโมเลกุลที่เล็ก ทำให้
ถูกดูดซึมเข้าไปได้ง่าย เราสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวในสภาพที่สกัดได้ตามธรรมชาติทันที โดยไม่ต้องทำ
ให้บริสุทธิ์ ฟอกสี และกำจัดกลิ่น ดังเช่นน้ำมันพืชอื่น ๆ จึงปลอดภัยจากอันตรายจากสารเคมี น้ำมันมะ
พร้าวมีบทบาทต่อความงาม ในเรื่องดังต่อไปนี้

1. รูปร่างได้สัดส่วน ไม่อ้วน แต่แข็งแรง
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวที่เราบริโภคเข้าไปสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ทันที จึงไม่มีไขมันสะสมใน
ร่างกาย อีกทั้งยังกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานดีขึ้น จึงนำเอาไขมันที่ร่างกายสะสมไว้ก่อนหน้า ไปใช้
เผาผลาญให้เกิดพลังงาน จึงช่วยลดความอ้วนได้ ดังนั้นผู้ที่บริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจึงไม่อ้วน
(เพราะไม่มีไขมันสะสม) แต่ร่างกายก็สันทัดสมส่วน และแข็งแรง

2. ผิวสวย
การนวดหรือชโลมตัวด้วยน้ำมันมะพร้าว ช่วยให้ผิวสวย เพราะ :
2.1 ผิวดูอ่อนวัย : น้ำมันมะพร้าวที่ใช้ชโลมตัว ทั้งในรูปน้ำมันมะพร้าวสด ๆ หรือในรูปของผลิตภัณฑ์น้ำมัน
มะพร้าว เช่น ครีม และโลชั่นจะทำให้ผิวพรรณนุ่มไม่แตกแห้งเป็นกระ หรือฝ้า แต่ชุ่มชื้นและผิวเนียน ปราศ
จากริ้วรอยย่นทั้งนี้เพราะน้ำมันมะพร้าวมีวิตามินอีที่มีอานุภาพมากกว่าวิตามินอีในเครื่องสำอางช่วยต่อต้าน
อนุมูลอิสระที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์จากขบวน
การเติมออกซิเจน (Oxidation) ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและทับถมกันจนทำให้ผิวแห้งขณะ
เดียวกันก็ช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย
2.2 ผิวนุ่มและเนียน : ตามปกติผิวหนังจะสูญเสียความชื้นเพราะถูกแดดและลม น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติ
เป็นสารรักษาความชุ่มชื้น (Moisturizer) จึงช่วยให้ผิวหนังนุ่มและเนียน
2.3 ช่วยป้องกันและรักษาฝ้า และกระ : อนุมูลอิสระเป็นตัวการอันหนึ่งของการเกิดฝ้า และกระ วิตามินอี
ในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ทำลายอนุมูลอิสระเหล่านี้ เราสามารถใช้นำมันมะพร้าวเป็นยากันแดดได้ดีอีก
ทั้งยังไม่เหนียวเหนอะหนะเหมือนยากันแดดบางชนิด และราคาก็ถูกกว่า

3. ผมงาม
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) อีกทั้งยังมีสาร
ปฏิชีวนะ (จากโมโนลอริน) และสาร antioxidant (จากสารโทโคทรินอลในวิตามินอี) จึงมีส่วนทำให้ผม
งาม จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้ :

3.1 ช่วยปรับสภาพของผม : น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมัน hair conditioner ที่ช่วยทำให้ผมนุ่มดำเป็นเงางาม
เพราะมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมการเจริญของเส้นผม

3.2 ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะ : น้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะทั้งนี้ เพราะน้ำมันมะ
พร้าวมีสารปฏิชีวนะที่คอยทำลายเชื้อโรค หนังศีรษะจึงไม่มีรังแค และมีวิตามินอีที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ หนัง
ศีรษะจึง่มีสุขภาพดี

3.3 ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี : เส้นผมประกอบด้วยส่วนนอก (culticle) ที่ทำหน้าที่ หุ้มส่วนใน (cortex)
หากส่วนนอกอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด เส้นผมก็จะปกติ มีความยืดหยุ่น (elasticity) ทนทานต่อการบิดงอ
และมีความเหนียว ส่วนในซึ่งประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่า เคอราทิน (keratin) ที่มีประกอบด้วยเส้นเล็กๆ
มัดรวมกัน โปรตีนของเส้นผมจะสูญเสียหรือสลายตัวไปตามอายุขัย แต่อาจเร็วขึ้นจากการไม่รักษาผมให้ดี
และการทำร้ายเส้นผม เช่น จากการดัดผม การย้อมผมด้วยน้ำยาเคมี แม้กระทั่งการหวีผมที่ใช้หวีที่คม น้ำ
มันมะพร้าวจึงช่วยลดปริมาณการสูญเสียของเส้นผม เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติยึดเกาะ (affinity) กับ
โปรตีนของเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังมีขนาดเล็กจึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก ในขณะที่น้ำมันทานตะวัน
และน้ำมันแร่ (mineral oil) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมน้ำมันใส่ผม ไม่ได้มีส่วนช่วย
แต่อย่างใด เพราะไม่สามารถซึมเข้าไปในเส้นผมได้เหมือนน้ำมะพร้าว........





Credit : บทความดีๆ จากกลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
สถาบันการแพทย์แผนไทย

เครื่องสำอางจากน้ำมันมะพร้าว

จากบทความตอนที่แล้วเรื่อง "น้ำมันมะพร้าวช่วยผิวสวย" เราได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังไปแล้วว่าน้ำมันมะพร้าวมีสรรพคุณที่ดีต่อผิวของเราอย่างไรบ้าง กระทั่งสาวๆ ในสมัยโบราณรู้จักวิธีการนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้บำรุงผิวพรรณกันมาเป็นเวลาช้านานแล้วแม้กระทั่งในปัจจุบัน ก็ยังคงมีการนำสารเคมีต่างๆ ที่ได้รับการสกัดจากน้ำมันมะพร้าวมาผสมใช้ในเครื่องสำอางกันอย่างกว้างขวาง

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการสกัดสารเหล่านี้ หรือกระบวนการในการผสมสารเคมีต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ต่อผู้ใช้ ดังนั้นการใช้เครื่องบำรุงผิวที่เราทราบว่ามาจากธรรมชาติล้วนๆไม่ได้ผ่านกระบวนการทางเคมีอะไรมากมายมาใช้กับผิวพรรณของเรา จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สาวๆ ที่ระมัดระวังต่อความเป็นพิษจากสารเคมีไม่ควรมองข้ามนะคะ

 

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าเราสามารถนำน้ำมันมะพร้าวมาผสมทำเป็นเครื่องบำรุงผิวอย่างไรได้บ้าง ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เริ่มกันที่สูตรแรกเลยดีกว่า

 

1. มาส์กหน้าสูตรน้ำมันมะพร้าว


สูตรนี้เป็นสูตรสำหรับผู้ที่ผิวแห้งโดยเฉพาะ สูตรนี้จะช่วยบรรเทาอาการไหม้เนื่องจากการถูกแสงแดดและช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ


ไข่ไก่ 1 ใบ
น้ำมันมะพร้าว (เหลวแต่ไม่ต้องอุ่นให้ร้อนนะคะ) 1/2 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ


ตีไข่ทั้งใบจนเป็นฟองและเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วค่อยๆ เติมน้ำมันมะพร้าวลงไป จากนั้นก็เติมน้ำผึ้งลงไป ตีให้เข้ากันจนกระทั่งมาส์กเป็นเนื้อข้นคล้ายครีมสลัดมายองเนส (แหม ว่าเสียน่ากินเชียว แต่อย่าลืมนะคะ แม้จะกินได้ก็ท่องเอาไว้ค่ะว่านี่เอาไว้สำหรับมาส์กหน้าจ้ะ) จากนั้นก็จัดแจงหาเอาแกนกลางของกระดาษทิชชูมาหนึ่งอัน จับตั้งในชามใบใหญ่ๆ หน่อย ใช้ช้อนตักเอาส่วนผสมใส่ลงด้านในของแกนกระดาษ เอาแช่ช่องแข็งของตู้เย็นไว้หนึ่งคืน เมื่อต้องการใช้ก็ให้นำเอาท่อนกระดาษออกมา ฉีกเอากระดาษด้านบนออกสักหน่อย ให้ตัวมาส์กโผล่ออกมาเล็กน้อย (นึกถึงแท่งลิปสติก แบบนั้นล่ะค่ะ) แล้วทาลงบนผิวหน้า ทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากใช้ก็เอาพลาสติกบางๆ คลุมแท่งมาส์กเอาไว้แล้วใส่ตู้เย็นไว้ใช้ในครั้งต่อไปค่ะ

น้ำมันมะพร้าวกับการรักษาโรค

น้ำมันมะพร้าวกับการรักษาโรค

คุณรู้หรือไหมว่าน้ำมันมะพร้าว สามารถรักษาโรคได้ มหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าวที่คุณต้องอึ้ง เกี่ยวกับรักษาโรคได้แทบทุกชนิด วันนี้ จะมาผ่ามะพร้าวพิสูจน์กันอีกครั้ง หลังที่ได้เผยเคล็ดลับด้านความงามกันมาแล้ว เพื่อที่จะให้ทุกคนที่รักสุขภาพได้สัมผัสประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวจริง ๆ 

น้ำมันมะพร้าวสามารถรักษาโรคได้แทบทุกชนิดป้องกันโรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง เสริมสร้างกระดูก และยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคเอดส์ ไม่ทำให้อ้วนเพราะเผาผลาญได้เร็วจึงไม่สะสม และไม่ทำให้คอเลสเตอรอลสูงขึ้น และความที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวจึงช่วยควบคุมการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันใน ร่างกาย ช่วยลดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณดี ไม่เหี่ยวย่นแก่ก่อนวัย

น้ำมันมะพร้าวรักษาโรค 
น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในกาฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา จึงสามารถลดการเกิดโรคต่าง ๆ และลดการติดเชื้อ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ

 น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต
เพราะน้ำมันมะพร้าวช่วยลดอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสื่อมของดวงตาในกรณีของโรคเบาหวาน และลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆด้วยเหตุนี้
 น้ำมันมะพร้าวช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
หากร่างกายขาดแคลเชี่ยมและแมกนีเซี่ยม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับแคลเซี่ยมและ แม็กนีเซี่ยม จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ไม่มีปัญหาโรค เหงือก เหงือกช้ำ บวม แดง หรือมีเลือดออกตามไรฟัน
 น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ
น้ำมันมะพร้าวเมื่อแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะทำให้เชื้อโรคร้ายต่างๆในร่างกายของ เราลดลง ทำให้ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังช่วยขับถ่ายพยาธิ และมีการนำน้ำมันมะพร้าวมาทดลองกับเชื้อไวรัส HIV อีกด้วย
น้ำมันมะพร้าวกับเอดส์ มีผลการทดลองของน้ำมันมะพร้าวต่อไวรัส HIV จากโรงพยาบาล ซานลาซาโร ประเทศฟิลิปปินส์ โดยทำการทดลองใช้กับกลุ่มคนไข้อายุ 22-38 ปี ที่ไม่เคยรับการรักษา HIV มาก่อน มาทดลองเป็นเวลา 6 เดือน ผลการทดลองพบว่า ปริมาณไวรัสในเลือดและปริมาณของ CD4 (ซีดีโฟร์-ปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาว) โดยให้คนไข้บางส่วนรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 3½ ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่าเป็นประจำทุกวัน และให้คนไข้บางส่วนรับประทานโมโนลอริน ซึ่งเป็นโมโนกลีเซอร์ไรด์ของกรดลอริคในน้ำมันมะพร้าว เมื่อสิ้นสุดการทดลอง คนไข้ 8 ใน 14 คนมีปริมาณไวรัสในเลือดลดลง, 5 คนมีปริมาณ CD4 เพิ่มขึ้น และ 11 คนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดีขึ้น น.พ.คอนราโด เดย์ริท กล่าวว่า "ผลการทดลองนี้ยืนยันคำกล่าวที่ว่า น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและสามารถช่วยให้ปริมาณไวรัส HIV ลดลงได้"

วิธีรับประทานน้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุด คือใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันพืชชนิด อื่นๆในการปรุงอาหาร หรือจะรับประทานเป็นอาหารเสริมก็ได้ ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 3-4 ช้อนชา เด็กวันละ 1-2 ช้อนชา โดยเฉลี่ยแบ่งรับประทานทีละน้อยจนครบจำนวนในแต่ละวัน หรือจะผสมในเครื่องดื่มร้อนๆเช่นโกโก้ร้อนหรือน้ำผลไม้อุ่นๆก็ได้ น้ำมะเขือเทศอุ่นผสมน้ำมันมะพร้าวมีรสชาติอร่อยมาก.

เทคนิคการับประทานน้ำมันมะพร้าวในรูปแบบต่าง ๆ
1. ใส่ผสมในน้ำผลไม้ (สูตรของ ดร.ณรงค์โฉมเฉลา ใส่ลงในน้ำส้มคั้นรับประทานทุกวัน)
2. ใส่ในแกงจืด อาหารแกงต่างๆ
3. ใช้เป็นน้ำสลัด
4. ราดบนน้ำแข็งใส ไอศกรีม (สูตรนี้เด็กชอบรับประทาน)
5. ใช้ทอดอาหาร อาหารจะไม่ชุ่มน้ำมัน และมีความกรอบได้นาน
6. ใส่ลงไปพร้อมการหุงข้าว จะทำให้ได้ข้าวนุ่ม หอม อร่อย (สูตรพิเศษใส่กระเทียมเล็ก 5-6 กลีบ และใบเตยโรยเกลือนิดหน่อยจะยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น)

ดังนั้น ลองเพิ่มน้ำมันมะพร้าวในมื้ออาหารของคุณกันนะค่ะ เพราะจะได้ประโยชน์ที่มากมายจากคุณค่าของน้ำมะพร้าวทั้งภายในและภายนอก สุขภาพดีจากโรคภัย สวยใสจากความงาม ความมหัศจรรย์ของน้ำมันมะพร้าว




 คลิกบำรุงเส้นผมอีกนิด เพื่อผมสุขภาพดี

 


 
"สูตรผมสวยด้วยน้ำมันมะพร้าวตำรับคุณยาย"

"สูตรผมสวยด้วยน้ำมันมะพร้าวตำรับคุณยาย"

 

เสน่ห์ผมหอมกรุ่น...ชวนหลงใหล

ใช้ดอกไม้มีกลิ่นหอมตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้สดอย่าง ดอกมะลิ (เลือกที่กำลังจะบาน) กุหลาบ (เลือกที่บานเต็มที่) ดอกแก้ว ดอกพุด เป็นต้น นำมาแช่ทิ้งไว้ในน้ำมันมะกอกนาน 3-6 ชั่วโมง ถ้าจะให้หอมมาก อาจแช่ทิ้งไว้นานถึง 1 คืนก็ได้ นอกจากนี้ อาจจะใช้ผิวมะกรูด นำน้ำมันมะพร้าวผสมลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้น ให้นำส่วนผสมดังกล่าวมาหมักผมทิ้งไว้นานประมาณ 15-20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจใช้สูตรที่ทำจากดอกไม้แห้งก็ได้ โดยจะต้องนำดอกไม้แห้งไปเคี่ยวกับน้ำมันมะกอกจนได้ส่วนผสมเช่นเดียวกัน

น้ำมันมะพร้าว– มีกรดไขมันอิ่มตัวประเภท Lauric acid ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ มีคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และประกอบไปด้วยสารที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ให้ผมนุ่มลื่นเงางาม วิตามินเอและอีจะช่วยป้องกันการทำลายเส้นผมจากแสงแดดและอนุมูลอิสระ

ผมนุ่มสลวยมีน้ำหนัก

ใช้กล้วยหอมที่สุกค่อนข้างจะงอม นำเอามายีหรือปั่นผสมกับน้ำมันมะพร้าว นำมาใช้หมักผมที่แห้งหมาดๆ แล้วทิ้งไว้เป็นเวลานาน 15-20 นาที เมื่อล้างออกแล้วให้ใช้มะกรูดเผา คั้นเอาน้ำมาชโลมผม นอกจากจะช่วยให้ผมมีน้ำหนัก และสปริงตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้ผมมีกลิ่นหอมและไม่แห้งแตกปลายอีกด้วย

กล้วยหอม - มีองค์ประกอบของสารเพคตินที่จะช่วยเคลือบเส้นผม ให้ผมนุ่มมันเงา นุ่มลื่น โดยแร่ธาตุต่างๆ อาทิ ฟอสฟอรัส แคลเซียม ฯลฯ จะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ป้องกันเส้นผมถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ

บำรุงผมไม่ให้ร่วง

ป้องการผมหลุดร่วง โดยบำรุงผมให้แข็งแรงถึงรากผมด้วยการใช้ขิงแก่นำมาบดแล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง ผสมน้ำมันมะพร้าวประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำมาคลึงที่หนังศีรษะให้ทั่วเป็นเวลานานประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การประคบดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นรากผมให้ผมที่งอกขึ้นมามีรากผมที่แข็งแรง และไม่หลุดร่วง

ลดความมันของผม ปกป้องผมจากรังแค

ด้วยการใช้มะนาวหรือมะกรูดผสมกับน้ำมันมะพร้าวประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ นำส่วนผสมดังกล่าวมาชโลมผม ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมงแล้วจึงล้างออก และสระด้วยยาสระผม และครีมบำรุงผม

มะกรูด - มีองค์ประกอบของสารไนอาซีน เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และกรดอินทรีย์อื่นๆ ที่ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมนุ่ม มีน้ำหนัก เงางาม ดกดำ และไม่มีรังแค ช่วยปรับค่า pH ของเส้นผมที่มีค่าความเป็นด่างสูง ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้แชมพู อีกทั้งยังช่วยบำรุงผมไม่ให้หงอกก่อนวัย

ฟื้นฟูผมเสียสู่สภาพปกติ

บำรุงผมเสียให้กลับคืนสู่ผมที่มีสุขภาพดีได้ด้วยการนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือก นำไปปั่นให้ละเอียดผสมน้ำมันมะพร้าว 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาหมักผมไว้เป็นเวลานาน 30 นาที หรืออาจจะใช้ตะไคร้ ให้นำมาปั่นผสมน้ำมันมะพร้าวแล้วเอาน้ำมาหมักผมที่แตกปลายให้กลับสู่สภาพปกติได้ดี

 

น้ำมันมะพร้าวกับโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งคืออะไร

 

มะเร็ง หรือทางการแพทย์ว่า เนื้องอกร้าย เป็นกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการเจริญของเซลล์ที่ผิดปกติ คือ เซลล์จะแบ่งตัวและเจริญอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อเป็นเนื้องอกร้าย และรุกรานร่างกายส่วนข้างเคียง มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังร่างกายส่วนที่อยู่ห่างไกลได้ผ่านระบบน้ำเหลืองหรือกระแสเลือด ไม่ใช่ว่าเนื้องอกทุกชนิดจะเป็นมะเร็ง เพราะเนื้องอกไม่ร้ายไม่ลุกลามอวัยวะข้างเคียงและไม่กระจายไปทั่วร่างกาย มีมะเร็งที่ส่งผลต่อมนุษย์ที่ทราบแล้วกว่า 200 ชนิด

สาเหตุของมะเร็งนั้นมีหลากหลาย ซับซ้อนและเข้าใจเพียงบางส่วนเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่ทราบแล้วว่าเพิ่มปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง ได้แก่ การสูบบุหรี่ ปัจจัยด้านอาหาร การติดเชื้อบางอย่าง การสัมผัสรังสี การขาดกิจกรรมทางกายความอ้วนและมลภาวะสิ่งแวดล้อม[2] ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้ยีนเสียหายโดยตรงหรืออาจประกอบกับความบกพร่องทางพันธุกรรมที่มีอยู่เดิมในเซลล์ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์เป็นมะเร็งได้[3] มะเร็งราว 5–10% สามารถติดตามไปยังความบกพร่องทางพันธุกรรมแต่กำเนิดโดยตรง[4] มะเร็งหลายชนิดสามารถป้องกันได้โดยการไม่สูบบุหรี่ ทานผัก ผลไม้และธัญพืชเต็มเมล็ด (whole grain) มากขึ้น ทานเนื้อและคาร์โบไฮเดรตขัดสี (refined) น้อยลง ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย จำกัดการรับแสงอาทิตย์ และรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อบางชนิด]

มะเร็งสามารถตรวจพบได้หลายวิธี รวมทั้งการมีอาการและอาการแสดงบางอย่าง การตรวจคัดกรองโรค หรือการสร้างภาพทางการแพทย์ เมื่อตรวจพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งแล้ว จะมีการวินิจฉัยโดยการตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยปกติ มะเร็งรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีบำบัดและการผ่าตัด โอกาสการรอดชีวิตของโรคมีหลากหลายมากขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของมะเร็งและขอบเขตของโรคเมื่อเริ่มต้นการรักษา มะเร็งสามารถเกิดในบุคคลทุกช่วงอายุ แต่ความเสี่ยงการกลายเป็นมะเร็งนั้นโดยปกติจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ยกเว้นมะเร็งน้อยชนิดที่พบมากกว่าในเด็ก ในปี 2550 มะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของมนุษย์ 13% ทั่วโลก (7.9 ล้านคน) อัตรานี้เพิ่มสูงขึ้นเพราะมีผู้รอดชีวิตถึงวัยชรามากขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตครั้งใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา

มะเร็งในประเทศไทย

ในปี พ.ศ. 2549 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 66,000 ราย โดยในผู้ชายพบมะเร็งปอดมากที่สุด 5,535 ราย รองลงมาคือโรคมะเร็งตับ ส่วนผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด 1,484 ราย รองลงมาคือ มะเร็งปอดมะเร็งเต้านม

ในปี พ.ศ. 2553 สถิติมะเร็งที่พบมากที่สุด 10 อันดับแรกในประเทศไทย

อันดับโรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชายจำนวน (%)โรคมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิงจำนวน (%)
1 Trachea, Bronchus, Lung 23.6 Breast 47.8
2 Colon, Rectum 21.5 Cervix uteri 16.2
3 Liver, Bile ducts 17.3 Colon, Rectum 10.4
4 Esophagus 8.2 Trachea, Bronchus, Lung 7.1
5 Nasopharynx 6.6 Corpus uteri 4.0
6 Non-Hodgkin lymphoma 6.4 Ovary 4.0
7 Tongue 4.8 Liver, Bile ducts 3.5
8 Mouth 4.5 Thyroid 2.6
9 Larynx 3.7 Non-Hodgkin lymphoma 2.4
10 Stomach 3.6 Stomach 2.0

 

โภชนาการกับโรคมะเร็ง

การกินและพฤติกรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้เป็นอย่างมาก อาหารบางประเภท มีสารที่ต้านอนุมูลอิสระได้สูงและป้องกันการเกิดมะเร็งได้ดี เราเรียกอาหารประเภทนี้ว่า อาหารต้านมะเร็ง  โดย บรอกโคลี, อโวคาโด , แครอท, ฯลฯ เป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป

จากการศึกษาพบว่า อาหารอาจมีส่วนสัมพันธ์ กับการเกิดโรคมะเร็งได้ประมาณ 30-50% แต่ในขณะเดียวกันอาหารประเภทพืชผัก ผลไม้ ธัญพืช และ เครื่องเทศต่างๆ ก็มี คุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งได้ ดังนั้น การรับประทานอาหารอย่างถูกต้องตามหลัก โภชนาการ จึงเป็นหนทางหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันโรคมะเร็งได้

การปฏิบัติป้องกันโรค
รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่าปลี, กะหล่ำดอก, ผักคะน้า, หัวผักกาด, บรอคโคลี่ เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่, ลำไส้ส่วนปลาย, กระเพาะอาหาร และอวัยวะระบบทางเดินหายใจ
รับประทานอาหารที่มีกากมาก เช่น ผัก, ผลไม้, ข้าว, ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่น ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
รับประทานอาหารที่มีเบต้าแคโรทีน และวิตามินเอสูง เช่น ผัก ผลไม้สีเขียว-เหลือง เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร กล่องเสียง และปอด
รับประทานอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆ เพื่อป้องกันมะเร็งหลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร
ควบคุมน้ำหนักตัว โรคอ้วนมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งมดลูก, ถุงน้ำดี, เต้านม และลำไส้ใหญ่ การออกกำลังกายและการลดรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง จะช่วยป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้

 

อาหารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็ง

  1. อาหารที่มีราขึ้นโดยเฉพาะราสีเขียว-สีเหลือง
  2. อาหารไขมันสูง
  3. อาหารเค็มจัด ส่วนไหม้เกรียมของอาหารปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารที่ถนอมด้วยเกลือ ดินประสิว

สาเหตุที่เราไม่เป็นมะเร็ง

มีสมมุติฐานที่ว่า คนเราทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่ที่เราเป็นมะเร็ง ก็เพราะเรามีระบบภูมิ

คุ้มกัน และเราจะเป็นมะเร็งก็ต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนไม่สามารถค่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้

(Holleb 1986) แม้ว่าเราจะมีสารก่อมะเร็งอยู่ในร่างกาย แต่ถ้าภูมิคุ้มกันของเรายังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เราก็จะไม่เป้นมะเร็ง ดังนั้น ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง จึงเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

มีปัจจัยหลายอย่าง ที่เราจะเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง เช่น การรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้เกิดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญก็คือ หลีกเลี่ยงการกระทำที่ส่งเสริมให้เกิดมะเร็ง เช่นการสูบบุหรี่ และการบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว ประการสุดท้าย คือการเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยการบริโภคน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ (ดูคำอธิบายในตอนต่อไป)

ความสำคัญของน้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่คนทั่วโลกนำมาใช้ประโยชน์ในการหุงต้ม เป็นสมุนไพรป้องกันรักษาโรค และเป็นเครื่องสำอางบำรุงความงามมาเป็นเวลาช้านาน โดยไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แต่เมื่อถูกสมาคมถั่วเหลืองอเมริกัน ชักชวนให้เลิกบริโภคน้ำมันมะพร้าวโดยอ้างว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันอิ่มตัว

เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ แล้วเปลี่ยนมาเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัว เช่นน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวันน้ำมันดอกคำฝอยฯลฯ ผู้บริโภคกลับเป็นโรคสมัยใหม่ เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคอ้วน รวมทั้งโรคมะเร็งด้วย มีการศึกษาพบว่า สาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งก็คือ การบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัว

น้ำมันมะพร้าว สามารถใช้เป็นอาวุธต่อสู้กับมะเร็งได้ ข้อความนี้ไม่ได้เกิดจากการเล่าประสบการณ์ของผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งแต่เพียงอย่างเดียว แต่จากผลการวิจัยและศึกษาทางการแพทย์อีกด้วย

การบริโภคน้ำมันมะพร้าวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง และระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงนี้เอง ที่จะขัดขวางการเกิดเซลล์มะเร็ง ก่อนที่มันจะทำลายเซลล์อื่นๆ การพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เป็นก้าวแรกในการป้องกันและการรักษาโรคมะเร็ง รวมทั้งโรคอื่นๆด้วย

บทความนี้จะได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่ดีเด่นของน้ำมันมะพร้าว โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง บทบาททางสรีรวิทยาของน้ำมันมะพร้าวในการต่อต้านโรคมะเร็ง ตลอดจนการใช้น้ำมันมะพร้าวในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง

 

 

 

บำรุงเส้นผมอีกนิด เพื่อผมสุขภาพดี


บำรุงเส้นผมอีกนิด (นิตยสารคู่หูเดินทาง)

ลองใช้วิธีนวดศีรษะกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตดูสิ การนวดหนังศีรษะจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนให้กับเส้นผม ซึ่งระบบไหลเวียนนี้จะช่วยให้ต่อมรากผมดูดซึมสารบำรุงที่จำเป็นต่อการงอกขึ้นมาใหม่แบบมีสุขภาพดี วิธีการคือ กดฝ่ามือลงบนท้ายทอยเบา ๆ แล้วขยับปลายนิ้วเป็นแนววงกลม จากนั้น กางมือให้กว้าง แล้วขยับปลายนิ้วเป็นแนววงกลมในขณะเลื่อนมือลงจากแนวเส้นผมทางด้านหน้าจนถึงกระหม่อม ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งรับรองว่าเส้นผมของคุณจะดูมีประกายเงางามมากขึ้น 

จากนั้นแนะให้ทรีทเม้นต์เส้นผมด้วย การหมักน้ำมัน เป็นการปรับสภาพเส้นผมอย่างล้ำลึก เพื่อผลลัพธ์อันโดดเด่นลองทำก่อนเข้านอน จะช่วยให้คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับเส้นผมที่นุ่มสลวยและเป็นเงางาม วิธีการคือชโลมเส้นผมด้วยน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกให้ทั่ว สวมหมวกคลุมอาบน้ำทับไว้ แล้วทิ้งเอาไว้ข้ามคืน อย่าลืมใช้ผ้าขนหูปูทับหมอนเอาไว้ด้วย หมอนจะได้ไม่เปื้อนเมื่อตื่นนอนก็สระผมออกตามปกติ เชื่อไหมผมคุณจะนุ่มมากจนอดใจไม่ไหวต้องจับเส้นผมบ่อย ๆ เลยล่ะ



 




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิธีการหมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวที่ดี ใช้หมักผมแล้วเห็นผล ต้องเป็นน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นบริสุทธิ์ 100% ไม่มีสารเจือปนเท่านั้น

 

 

สาวที่มีปัญหารังแค 
น้ำมันมะพร้าวเป็นกุญแจสำคัญเลยล่ะค่ะ เพราะมันจะทำให้รังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ 
หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ 

            สำหรับวิธีการหมักผมนั้น 
ให้คุณใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย 
ชโลมผมทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือหากเป็นวันหยุดก็สามารถหมักไว้ทั้งวันได้ 
ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งจะทำให้ปัญหารังแคบนหนังศีรษะของคุณค่อย ๆ หายไป 
และยังช่วยให้ผมคุณมีน้ำหนักขึ้นอีกด้วยค่ะ

     สาวผมเสีย 
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีผมเสียอย่างหนักไม่ว่าจากการดัด ทำสี ย้อม ยืด ก็ตาม ใจเย็น 
ๆ ค่ะ สมุนไพรที่นำมาหมักผมนั้นอาจจะเยอะหน่อยแต่รับรองว่าได้ผลเลยทีเดียว 
สำหรับสาวผมเสียนั้น 
ให้คุณหมักผมได้วันเว้นวันโดยใช้วัตถุดิบในการหมักผมที่ต่างกันไป 

            
โดยแบ่งเป็น 2 สูตร ดังนี้ สูตรแรกให้คุณใช้ไข่แดงผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก 
ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วสระตามปกติ 
จากนั้นให้เว้น 1 วัน ก่อนจะใช้สูตรที่สองคือ น้ำมันงา หรือน้ำมันมะพร้าวและไข่แดง 
ผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้นาน ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำอย่างนี้ไม่เกิน 2 
สัปดาห์คุณจะเริ่มเห็นผลค่ะ

บันทึกหมอแดง 02/01/ 2553 :: น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคสะเก็ดเงิน –ภาค 2
บันทึกหมอแดง 02/01/ 2553:: น้ำมันมะพร้าวรักษาโรคสะเก็ดเงิน –ภาค 2
ผู้เขียนได้รู้จักเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเงินท่านหนึ่ง วันที่พบ ได้เห็นอาการที่เล็บเป็นหลุม ผิวหนังเป็นผื่นมีขุย อาการเป็นมาก ได้ถามเขาว่า เป็นสะเก็ดเงินใช่ไหม? โรคนี้รักษาให้ทุเลาลงได้ แต่ไม่หายขาด เขาบอกว่าเป็นมา 20 กว่าปีแล้ว ไปหาหมอรักษาก็หลายที่ เข้าๆ ออก ๆ โรงพยาบาลหลายแห่ง คลินิก หรือสถานที่ที่ไหน บอกว่ารักษาได้ ไปมาหมด แต่ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไร ค่ารักษาทางแผนปัจจุบันที่รักษาอยู่ก็แพงมาก คอร์สละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท วิธีที่หมอรักษา ทั้งฉายแสง โดยใหรังสี UVB 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้น 1-2 ครั้ง /สัปดาห์ อาการก็แค่ทุเลาลง

 

สักพักก็กลับมาเป็นหนักอีก เสียเวลาในการทำงานมาก ส่งนยารับประทานใช้ยาเม็คโธเทร็กเซ็ต บางครั้งก็เป็นยานิไอลอน, นิคาสัน แล้วแต่หมอจัดให้ ยาแต่ละชนิด ก็ส่งผลข้าเคียง เช่นมีอาการผมร่วง คลื่นไส้ กินไม่ลง เจ็บท้อง มีผลต่อตับและปอด เป็นหวัดง่าย ยาทาพวกสเตอรอยด์ แรกๆก็ให้ผลดี ถ้าใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ ก็มีผลข้างเคียงได้ ส่วนน้ำมันดิน ก็ใช้ได้ผลบ้าง แต่เลอะเทอะสกปรกเวลาใช้ และมีกลิ่นไม่ดี
ถ้าใครไม่เป็นจะไม่รู้ว่ามันทรมานแค่ไหน ไปอยู่ที่ไหนสังคมก็รังเกียจ ผู้เขียนเลยบอกเขาว่า โรคนี้สามารถรักษาให้ทุเลาลงได้ แต่ไม่หายขาด วิธีการรักษาก็ไม่ยุ่งยาก เขารีบพูดว่า บอกมาเถอะไม่หายก็ไม่เป็นไร ขอเพียงทุเลาบ้างก็พอ 
สูตรของผู้เขียน ที่บอกให้ผู้ป่วยโรคนี้ใช้ ได้ผลไม่ต่ำก่ว่า 50% มาก่อน วิธีเพียงใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ ดังนี้

 

  1. ใช้ทา ตรงส่วนที่เป็นได้ทั้งหมด ผมหรือหนังศรีษะ วันละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง/วัน ไม่เหนียวเลอะเทอะ ทาไปสักพักหนึ่ง น้ำมันก็จะซึมสู่ผิว
  2. ใช้รับประทาน ตื่นเช้ารับประทาน 2 ช้อนโต๊ะ ร่วมกับน้ำมันโอเมกา 3 จำนวน 2 แคปซูล และขมิ้นชัน 5 เม็ด และก่อนนอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันโอเมกา 3 จำนวน 2 แคปซูล ขมิ้นชัน 5 แคปซูล (เหมือนตอนเช้า) 
    หลังจากบอกสูตร การใช้ไปเป็นเวลา 10 วัน เขาได้โทรฯมาหา กล่าวคำขอบคุณกับผู้เขียน อย่างมาก ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก แจ้งว่าโรคที่เป็นอยู่ทุเลาลงไม่ต่ำกว่า 70% เหลือเชื่อมาก นี่ขนาดยังไม่ได้ทานขมิ้นชันนะ ผู้เขียนบอกไปว่า ถ้าอยากให้ดีขึ้นกว่านี้ ควรรับประทานขมิ้นชันและเพิ่มสูตรน้ำสับปะรด น้ำมะละกอดิบ และน้ำใบตำลึง โดยให้ใช้เครื่องปั่นแยกกากและน้ำ โดยดื่มเฉพาะน้ำเท่านั้น ดื่มภายใน 5 นาที เพื่อให้ร่างกายได้รับเอนไซม์เพิ่มขึ้น
    - น้ำสับปะรด มีเอนไซม์บรอมีเลน (Brome lain) - ย่อยโปรตีน 
    - น้ำมะละกอดิบ มีเอนไซม์ปาเปน (Papain) - ย่อยโปรตีน
    - น้ำใบตำลึงดิบ มีเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) - ย่อยแป้ง
    เอนไซม์เป็นพลังชีวิต ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานดีขึ้น โดยแนะนำให้เขารับประทานผักสด ผลไม้ ในอาหารทุกๆ มื้อ และพยายามหลีกเลี่ยง แป้งขีดขาว น้ำตาลทรายขาว กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น 
    เวลาผ่านไป 2 เดือนกว่า ได้คุยกับเขาอีก บอกว่าตอนนี้อาการที่เป็นอยู่ทุเลลงไม่ต่ำกว่า 80% ระยะเวลาที่เคยเป็นโรคนี้มา 20 ปี ยังไม่มีครั้งไหนดีเท่านี้ มาก่อนเลย ไปหาหมอๆ ยังทักไปทำอะไรมาถึงดีขึ้น แต่ไม่ได้บอกไป 
    ผู้เขียนเลยถามไปว่ารับประทานครบสูตรหรือเปล่า เขาตอบว่า “ทานครับ ยกเว้นการรับประทานน้ำเอนไซม์ เพราะยังไม่ได้ซื้อเครื่องปั่นมาคั้น แต่รับประทานเป็นของสดแทน” ผู้เขียนได้แนะนำเพิ่มเติมไปอีดนิดหนึ่งว่า ให้งดอาหารที่ใช้น้ำมันที่ผ่านขบวนการ RBD (ผ่านกรรมวิธี) ยิ่งน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ทานาตะวัน รำข้าว จะมีกรดไขมันโอเมกา 6 สูง ซึ่งปกติ อัตราส่วนที่เหมาะสมคือ โอเมกา 6: โอเมกา 3 2:1 แต่ปัจจุบัน อาหารแทบทุกชนิดมี โอเมกา 6 เป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราส่วน เป็น 40:1 ซึ่งถ้า โอเมกา 6 มากไป จะทำให้เกิดการอับเสบ (เพราะมีพรอสตาแกลนดินสูง) 
    แม้ว่า โอเมกา 3 ที่มีอยู่ในน้ำมันไม่อิ่มตัวในรูปของกรดไลโนเลนิก แต่มีปริมาณน้อยมมาก เมื่อเทียบกับโอเมกา 6 ที่อยู่ในรูปของกรดไลโนเลอีก อีกทั้งน้ำมันทั้งสองยังเป็นน้ำมันไม่อิ่มตัวที่ถูกเติมออกซิเจนตลอดเวลา ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ จึงไม่ควรบริโภคน้ำมันไม่อิ่มตัวทุกชนิด 
    โดย รุจน์ สุวรรณเสรีเกษม กรรมการกลาง ชมรมอนุรักษ์และพัฒนาน้ำมันมะพร้าว กัลปพฤกษ์ ฉบับที่ 9 ประจำเดือน ตุลาคม 2552
คุณภาพของน้ำมันมะพร้าวที่ดี ดูได้จากอะไรบ้าง ?

น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะพร้าวดีต่อผิวหนัง,มหัศจรรย์น้ำมันมะพร้าว,น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์

คุณภาพของน้ำมันมะพร้าว เบื้องต้นดูได้จากมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โรงงานที่ผลิต และน้ำมันมะพร้าว ผ่านการตรวจสอบจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีความใสไม่มีสี ปราศจากสารปนเปื้อน มีกลิ่นหอม ได้รับการรับรองและเลขสารบบ อย. บนฉลากขวด
แต่ก็สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ด้วยตนเองง่ายๆ ดังนี้

1. ความใส น้ำมันที่สะอาดจะมีความใส ลักษณะโปร่งแสง แต่อาจเปรียบเทียบคุณภาพความใสที่แตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ได้อยู่ในขวดลักษณะเดียวกัน สีของพลาสติกหรือแก้ว อาจทำให้มีอิทธิพลกับสีได้บ้าง

2. กลิ่น ความหอมของน้ำมันมะพร้าว ต้องหอมอ่อนให้ความรู้สึกว่าเป็นน้ำมันสดใหม่ ไม่มีกลิ่นหืน หรือเปรี้ยว ถึงแม้ว่าจะเปิดใช้แล้วกลิ่นต้องไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังมีผู้ผลิตบางรายดัดแปลงกลิ่น โดยใช้น้ำหอมสังเคราะห์กลิ่นมะพร้าว หรือ กลิ่นมะพร้าวน้ำหอมเข้าไป วิธีนี้จะทำให้มีกลิ่นหอมมากในตอนเปิดขวดหรือเปิดใช้ หลังจากนั้นความหอมจะจางลง และเปลี่ยนเป็นเหม็นเปรี้ยว และทำให้อายุของน้ำมันมะพร้าวอยู่ได้ไม่นาน 

3. ความเบา น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีความเบา มีความหนืดน้อยมาก เวลารับประทานจะผ่านลำคอได้ง่ายและเร็ว มีความรู้สึกเหมือนละลายในปาก ในขณะที่กลืนลงคอไม่มีกลิ่นรุนแรง ไม่เลี่ยน

4. ความซึมเข้าสู่ผิว น้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี จะมีโมเลกุลเล็ก ทำให้ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่ทิ้งคราบน้ำมันลอยอยู่บนผิว